Interview

กิจขจร ปัญญาดิลก

กิจขจร ปัญญาดิลก
มาสคอทเอ็นเตอร์ไพรเซส
ผู้จัดการหน่วยสุวรรณภูมิ 38 FWD

ต้นแบบ : คุณปู่เป็นชาวจีน มาตั้งโรงน้ำแข็งที่อุทัย ชัยนาท สิงห์บุรี สมัยนั้นโรงน้ำแข็งยังมีไม่กี่แห่ง เป็นยุคบุกเบิก คนยังไม่ค่อยรู้จักน้ำแข็ง ต้องแจกให้กินฟรีก่อน จนติดใจ ทำให้กิจการค้าขายดีมาก แต่คุณพ่อเป็นสายการศึกษา เก่งภาษาอังกฤษ สามารถสอบชิงทุนฟูลไบรท์ได้ จบบัญชีจุฬา ไม่ได้เป็นสายธุรกิจรับช่วงกิจการของปู่ คุณพ่อเป็นคนจริงจัง ซื่อสัตย์ ภูมิใจในประเทศชาติ, ชื่นชม นิยมคนดี มีความกตัญญู รู้คุณคน เป็นคนมีระเบียบ เคร่งครัด ท่านสอนเสมอว่า อย่าใหญ่ อย่าเอาหน้า รู้จักความพอเพียง, คำขอโทษ คำขอบคุณ ต้องพูดได้อย่างจริงใจและง่ายดาย

สอบตามผลการเรียน : ผมเรียนสาธิตจุฬาฯ แผนกวิทย์ ผลการเรียนก็พอไปได้ ช่วงเด็ก ๆ เคยคิดอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันว่า อยากเป็นนักบิน แต่พอโตขึ้นมาก็เลิกล้มความตั้งใจไป แต่ถ้าจะให้เลือกเรียนวิศวะ สถาปัตย์ ก็ไม่ถนัดในเรื่องช่าง ต้องหันมาเลือกทางแพทย์ เภสัช, ปีแรกผมสอบเข้า คณะเกษตร ม.เกษตร ได้ แต่ไปเรียนแค่เทอมเดียว รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบทำสวน เลยอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกครั้ง แล้วปีถัดมาก็สอบติด เภสัช ที่ ม.เชียงใหม่

ผมเองก็อยากจะลองย้ายไปเรียนไกลบ้านบ้าง เพราะสมัยพี่ชายเรียนบัญชีจุฬาฯ ไม่ว่าจะทำอะไร หรือไปไหน ต้องมีคนมารายงานคุณแม่ที่สอนอยู่ที่บัญชีจุฬาฯ ตลอด (หัวเราะ) ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากมีอิสระ อยากลองใช้ชีวิตต่างจังหวัดดูบ้าง ครั้งแรกอยากเรียนแบบสบาย ๆ แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้ง่าย เพราะมีทั้งคนขยัน คนเก่ง คนฉลาด แต่ผมยึดติดกับคำสอนของคุณพ่อเรื่องความซื่อสัตย์ ทำให้ไม่กล้าทำผิด บวกกับไม่ค่อยขยัน เลยลำบากหน่อย (หัวเราะ) พออยู่ มช. ก็ได้เจอกับเพื่อนทุกรูปแบบจากทุกสารทิศ ทั่วประเทศ มีความหลากหลาย ไม่เหมือนกับที่เคยเจอมาสมัยเรียน ม.ปลาย ในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะมีสังคมจากครอบครัวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ นั่นทำให้ผม สามารถปรับตัวเข้ากับคนได้ง่าย

เภสัชกร : สมัยก่อนงานยอดนิยมคือการเป็นตัวแทนบริษัทยา ผมก็ไปทำอยู่พักใหญ่ จะว่าลำบากก็ลำบาก สนุกก็สนุก แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ให้กับตัวเอง ทำแล้วรู้สึกไม่ค่อยมีความสุข อาจเป็นเพราะไม่ชอบงานด้านนี้มากนัก ที่ได้ประโยชน์จริง ๆ ก็คงเกี่ยวกับคำแนะนำเรื่องการใช้ยาให้กับคนรอบข้าง ก่อนที่คุณแม่จะเห็นว่า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ผมคงได้แต่ตะลอน ๆ ไปเรื่อย เลยสนับสนุนให้เปิดร้านขายยาที่แถวแยกลำสาลี และมีอยู่ช่วงที่ขยายไปที่สุขุมวิท 39 ผมทำงานสองที่เหนื่อยมาก ธุรกิจก็พอไปได้

เรียนต่อหรือแต่ง : คุณพ่อเคยบอกลูกทุกคนไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าคนไหนจบปริญญาตรีแล้วอยากเรียนต่อ ต้องดูแลตัวเอง เพราะพ่อไม่ได้มีความพร้อมถึงขนาดนั้น แต่หลัง ๆ พอท่านขายที่ดินได้ ก็ย้อนกลับมาถามอีกครั้งว่า อยากเรียนต่อหรือแต่งงาน ตอนนั้น ความรู้สึกคืออายุเกินที่จะเรียนแล้ว ก็ตัดสินใจอยากจะสร้างครอบครัว เริ่มมองหาคู่ชีวิตที่คิดว่าเหมาะสม จนในที่สุดได้แต่งงานกับภรรยา แล้วมาทำงานด้วยกันที่ร้านขายยา

มาสคอทเอ็นเตอร์ไพรเซส : พอดีมีเพื่อน ไปหาสินค้าจากอเมริกาเข้ามาให้จำหน่าย ชื่อ Classic Swing Rod เป็นเครื่องเช็ควงสวิง เราเปิดเป็นบูธเล็ก ๆ ขายในงานกอล์ฟที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ ครั้งนั้นทำยอดขายได้ดีพอสมควร เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาขายอุปกรณ์กอล์ฟ และสร้างแบรนด์สินค้า Mascot ขึ้นมาเอง เรารู้จักกับโรงงานของคนออสเตรเลีย ผลิตสินค้าจุกจิกเกี่ยวกับกอล์ฟ เริ่มติดต่อกับห้างร้าน สนามกอล์ฟต่าง ๆ ทั่วประเทศ ช่วงที่ผมเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจกอล์ฟ ตรงกับยุคของ ไทเกอร์ วูดส์ กำลังได้รับความนิยมพอดี สนามกอล์ฟก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น นับว่าเป็นจังหวะขาขึ้นของธุรกิจ เราเริ่มต้นได้ดีมาก ทำยอดขายเยอะมาก จนปิดร้านยา หันมาทำบริษัทมาสคอทเอ็นเตอร์ไพรเซส เต็มตัว มีการขยายธุรกิจ เพิ่มพนักงานไปประจำตามห้าง อยู่กันแบบนั้นได้พักใหญ่ จนกระทั่งเริ่มเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ เราก็ทนสู้ต่อ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป แต่ในที่สุดก็สู้กับระบบขนาดใหญ่ไม่ไหว จนต้องตัดสินใจลดขนาดลง ทำธุรกิจแบบพอเพียง ใครที่เป็น FC ของ Mascotgolf ก็ยังติดต่อเราได้ตลอด

เป้าหมายต้องชัดเจน : คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เช่นอยากร่ำรวย มีเงินเยอะ แต่ก็ใช่ว่า คนที่เขาไม่ต้องการมีเงินเยอะจะผิด ทั้งหมดไม่มีคำว่าถูกหรือผิด ต้องเข้าใจว่า เรื่องการเงินในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ แล้วส่วนใหญ่พวกเรามักจะไม่ค่อยมีการเตรียมความพร้อม วางแผนทางการเงินที่ดี มีก็ใช้หมด ระยะยาว แก่เฒ่า เกษียณ จะลำบากกันเยอะ อย่างผมเอง ในช่วงนั้นก็ไม่ได้เตรียมความพร้อมกับการเก็บออมและเกษียณ มัวแต่ลงทุนไปเรื่อย ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกำไร จึงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ควรทำก็คือ การวางแผนทางการเงิน รู้จักเตรียมตัว มีน้อยใช้น้อย พ่อแม่ ควรเป็นตัวอย่างที่ดี มีการเก็บออม ส่งต่อให้ลูก ขณะที่ครูบาอาจารย์ ก็ต้องสอนในเรื่องการวางแผนการเงิน การเก็บออม การใช้อยู่อย่างประหยัด รู้จักความพอเพียง

การเงิน บัญชี : ผมเคยทำธุรกิจโดยไม่สนใจเรื่องเงิน ต้องการอย่างเดียวคือ ให้สินค้าเป็นที่รู้จัก พอมีคนซื้อเยอะก็คิดว่าประสบความสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ เรามีค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลที่ไม่เคยประเมินเรื่องผลประกอบการ ทำให้ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน เหมือนกับขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย หากไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการวางแผนทางการเงิน ไม่มีการพิจารณาผลประกอบการในแต่ละตัว ซึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ต้องเข้าใจเรื่องการเงินและการบัญชี แม้หัวการค้าจะไม่ดีมาก แต่ถ้าเราคุมเงินได้ ก็จะไม่เสียหายเยอะ ไม่ใช่แค่เฉพาะกับตัวเอง ครอบครัว ระดับประเทศก็ยังส่งผลด้วย เพราะในที่สุดประเทศชาติก็เป็นหนี้สิน

เรียนรู้จากธรรมะ : ที่ผ่านมา สูญเสียมาเยอะ อะไรที่ลงทุนแล้วควรจะได้กลับคืนมา ก็หายไปเลย ยังไม่มีการวางแผนทางการเงิน หรือเก็บออม หากเราเป็นอะไรไป คนอยู่ข้างหลังเดือดร้อนแน่นอน ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องประกันชีวิตว่าเป็นสิ่งสำคัญ นับว่าชีวิตตั้งอยู่ในความประมาทมาก โชคดีที่หลวงพ่อวัดบางโฉลงใน มาบิณฑบาตแถวบ้าน ท่านชวนให้ไปเรียน ‘ครูสมาธิ’ ของหลวงพ่อวิริยังค์ ตอนนั้นผมมีปัญหาชีวิตเยอะมาก ตัดสินใจเข้าไปเรียนครูสมาธิอยู่หกเดือน ทำให้ผ่านวิกฤติช่วงนั้นมาได้ เห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาตลอด เราทำธุรกิจโดยไม่มีการวางแผนดีพอ จนทำให้เกิดความเสียหาย สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ การทำประกันชีวิต เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา ลูก เมีย คนรอบข้างจะเดือดร้อนน้อยที่สุด สิ่งนี้ต้องแก้ไขด่วน

ประกันชีวิต : จากเดิมที่ไม่เห็นด้วย เคยต่อต้านในเรื่องการประกันชีวิต ก็โทรไปสมัครเองเลย แจ้งความประสงค์ไปว่า อยากเป็นตัวแทน ตั้งแต่เมื่อปี 2554 แล้วก็ทำเรื่อยมา เดิมทีไม่ได้ตั้งใจทำเป็นอาชีพ อยากแค่ทำคอร์สที่ถูกที่สุด สำหรับตัวเองและครอบครัว การที่เราจะได้ราคาถูกที่สุด ก็ต้องเป็นตัวแทน ซึ่งการเข้าไปศึกษา เข้าไปเรียนในแต่ละคอร์ส ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ดีกว่าให้คนอื่นมาบอก เช่น การวางแผนการเงิน วางแผนประกัน วางแผนการลงทุน วางแผนเกษียณ วางแผนภาษี ซึ่งประชาชนทั่ว ๆ ไป ยังไม่ค่อยเข้าใจกันมากนัก ทำให้คนไม่อยากทำประกัน และการเป็นตัวแทนฯ ก็ตอบโจทย์ให้กับช่วงชีวิตของผมพอดี ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ไม่ต้องลงทุน แค่ใช้เวลาในการให้ข้อมูล ไม่ต้องซื้อสต๊อกสินค้า ไม่ต้องคุมบัญชี ทำงานได้ทุกสถานที่ การเป็นตัวแทนฯ สำหรับผมแล้วไม่เหมือนกับการทำงาน รู้สึกเป็นเพื่อนกันมากกว่า โดยเฉพาะในเวลาที่เขาต้องการเรา หรือเวลาเจ็บป่วย เราก็อยากไปเยี่ยมเขาเองอยู่แล้ว และยังได้งานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ได้ฝืนใจ และยังเป็นอาชีพที่ดี แนะนำให้คนเก็บออม ขณะเดียวกันก็ได้รับความคุ้มครองไปด้วย

ตัวแทนฯ ประจำบ้าน : เป็นอาชีพที่อยากให้ในครอบครัว อย่างน้อย 1 คน เป็นตัวแทนฯ เพราะยังไงเราก็ต้องใช้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าไม่เกิดประโยชน์ก็จะไม่เห็น แต่หากเข้าใจจริง ๆ ในแง่การประกันชีวิต ทุกคนควรจะมีไว้ จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ความเหมาะสม ตามกำลัง ของแต่ละคน แล้วถ้าเราได้ดูแลคนในครอบครัว คนใกล้ชิดด้วยตัวเอง ได้ต้นทุนต่ำที่สุด ก็ยิ่งจะดีมาก ๆ เพราะการทำประกัน ไม่ได้ทำแค่ปีเดียว มีการเบิกจ่ายเบี้ย เป็นพื้นฐานของการวางแผนการเงิน ความเสี่ยงของแต่ละคนก็จะน้อยลงไปมาก ประเทศชาติก็เสี่ยงน้อยลงไปด้วย เพราะประกันชีวิตสมัยใหม่ มีประกันคู่กับการลงทุน ช่วยเรื่องเก็บออมไปด้วย ขณะที่ฝากเงินอย่างเดียว ดอกเบี้ยน้อย ถอนง่าย ทำให้ยากที่จะเก็บออมได้ และยังไม่มีความคุ้มครองให้…

กอล์ฟ : คุณพ่อ เป็นนักกอล์ฟฝีมือดี เอาจริงเอาจัง ชอบซ้อม เคยอยู่ในทีมจุฬาฯ, ทีมสปอร์ตคลับ ท่านจะให้ไปเล่น ไปซ้อมด้วยตลอด สอนกอล์ฟให้ตั้งแต่เด็ก ผมก็ตามไป แต่ไม่ค่อยชอบ พอโตขึ้นจนเรียนจบทำงานแล้ว เพื่อน ๆ ก็มาชวน ทำให้ผมได้กลับไปเล่นกอล์ฟอีกครั้ง

มอเตอร์ไซด์ : ไม่เคยคิดขี่มอเตอร์ไซด์มาก่อนเลย ขี่ครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่สมัยเรียนที่เชียงใหม่ แล้วก็เว้นไปยาวเลย เคยเห็นคนได้รับอุบัติเหตุจนรู้สึกกลัว พอมาขี่เองก็ต้องท่องไว้ในใจเสมอว่า อย่าให้พลาด ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่ชายคนที่สอง เขาขี่มาก่อนนานแล้ว ผมเคยจะซื้อรถขนาดเล็กมาใช้เพื่อความคล่องตัว แต่พอรถติด ยังไงก็ไปไม่ได้อยู่ดี เลยลองหันมามองมอเตอร์ไซด์บ้าง ครั้งแรกเป็นขนาดกลาง แต่พอมาขี่แล้วรู้สึกว่าไม่มั่นคง รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ก็ขายแล้วขยับมาซื้อคันใหญ่ขึ้น ขนาด 500 ซีซี ใช้แทนรถยนต์ไปเลย แต่ก็ยังได้รับการต่อต้านจากที่บ้านด้วยความเป็นห่วง

ต้องฝึก ต้องเรียน : ความชำนาญ มาพร้อมกับความประมาท ทำให้ผมไปเรียนการขับขี่มอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่ ตามคำแนะนำของพี่ชาย มีคอร์สอะไรก็ไปเรียนหมด ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง ซึ่งถ้าผมไม่ได้เรียน ไม่ได้ฝึกซ้อมจนชำนาญ การขับขี่บนท้องถนนที่ผ่านมา ก็อาจจะเกิดปัญหาใหญ่ไปแล้วก็ได้ การขับมอเตอร์ไซด์ การขี่ถนนโล่งคือปลอดภัยที่สุด พยายามอยู่ห่างจากคนอื่นให้มากที่สุด จึงต้องพยายามแซงรถยนต์เพื่อให้พ้นจากความเสี่ยง แต่นั่นสังคมก็อาจจะไม่เข้าใจ อยากให้มอเตอร์ไซด์ขับกันช้า ๆ กว่ารถยนต์ ซึ่งในมุมของนักขับขี่มองว่า แบบนั้นยิ่งอันตราย หรือห้ามขึ้นสะพานบางแห่ง ก็ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันยังไม่จบ

บิดเดี่ยว : ผมขับขี่ท่องเที่ยวไปคนเดียว ข้อดีคือ เราอยากจะทำอะไรก็สะดวก ได้ตามต้องการทุกอย่าง แต่ข้อเสียคือ เวลาเกิดปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ จะลำบากมาก เคยไปล้มคนเดียวเพราะยางรั่วบนเกาะช้าง จะมืดแล้วด้วย โทรศัพท์ก็ต้องเดินหาสัญญาณ โชคดีที่โทรไปอุทยานแห่งชาติที่ผมเพิ่งไปมา แล้วเจ้าหน้าที่ออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างดีมาก จนสามารถนำรถกลับจากเกาะได้, เคยขับลงใต้ไปคนเดียว แวะไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ชุมพร หาดใหญ่ จนถึงจุดหมายที่เบตง องค์ประกอบความสุข : ต้องมีความแข็งแรงพร้อมทั้ง สุขภาพกาย สุขภาพใจ และ สุขภาพทางการเงิน สำหรับผมยังขาดการออกกำลังกายไปบ้าง ส่วนอาหาร มีการควบคุมพอสมควร ไม่กินเนื้อสัตว์มาหลายปีแล้ว เพราะก่อนหน้านี้กินมาเยอะ รู้สึกว่าวุ่นวาย อยากกินโน่นอยากกินนี่ มาถึงจุดหนึ่งคิดว่า ความตายมันใกล้เคียงเข้ามาแล้ว ความอยากก็ควรจะลดให้น้อยลง การลดอาหารเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เลือกกินอาหารแบบมังสวิรัติ แต่ไม่ได้เคร่งครัดมาก เดินสายกลาง ง่าย ๆ ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น ไม่เบียดเบียนตัวเอง มีความยืดหยุ่นบ้าง แค่เลือกที่จะไม่กินเนื้อสัตว์ พอทานไปเรื่อย ๆ ร่างกายก็รู้สึกดีขึ้น, ใจ ส่วนหนึ่งก็ได้จากการที่เคยเรียน ‘ครูสมาธิ’ แต่การจะได้ประโยชน์คือการได้ปฏิบัติเป็นประจำ การทำสมาธิ แล้วจะได้พลังจิต เหมือนกินอาหาร เราต้องสะสม ต้องทำบ่อย ๆ แล้วจะเก็บเอาไว้ได้ การนอนก็ได้พลังจิตเช่นกัน แต่ตื่นมาก็หายไป ส่วนการทำสมาธิ สามารถเก็บสะสมไว้ได้ ข้ามภพ ข้ามชาติ สิ่งที่ผ่านมา คือกรรมที่ทำไว้ บางครั้งไม่ได้หายขาด แต่ขอให้ของใหม่อย่าไปสร้างเพิ่ม แล้วการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตคนอื่น ล้วนมีกรรมต่อกัน ไม่ว่าจะดีหรือไม่ ก็ส่งผลต่อชีวิตเราทั้งนั้น ส่วนเรื่องการวางแผนทางการเงินสำคัญมาก เพราะจะทำให้ชีวิตเราไม่เดือดร้อนทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากต้องการคำแนะนำ ผมยินดีครับ