เขียน..เมื่อมีลมหายใจ

สายใย

เขียน..เมื่อมีลมหายใจ
ตอนที่ 3 สายใย

ความรักของเธอ ถักทอด้วยสายใยของความเมตตามันทำให้ฉันกระจ่างชัด ในเวลานี้เธอเติมเต็มบุญของเธอด้วยตัวเธอเองด้วยการปฏิบัติบูชาจนเธองดงาม ฉันจำเธอแทบไม่ได้ ดวงตาเป็นประกายถึงแม้จะแฝงด้วยความเศร้าก็ตาม เธอให้ความรักและความเมตตากับตัวเธอเองอย่างเต็มเปี่ยม เธอจึงมอบให้กับเขาของเธอแบบไม่มีเงื่อนไข ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็รู้สึกเจ็บปวด แต่เธอก็ผ่านมันไปได้ ด้วยเธอมีธรรมะเข้ามาอยู่กลางหัวใจของเธอแล้ว

ฉันขอโทษ…ที่ปล่อยให้เธอเดินทางอย่างเดียวดายเพียงลำพังมา…เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ฉันพบเจอเธอแล้ว…คงเป็นเพราะบุญเพราะกรรมที่เราต่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลานั้น ฉันเจอเขาของเธอแล้วที่แม่น้ำโขง เขาให้กำไลฉัน…แต่กำไลกลับตกลงไปอีก …ฉันเลยเพียรพยายามปฏิบัติธรรมเพื่ออุทิศบุญกุศลให้เขาของเธออย่างละเอียด เขาของเธอปฏิบัติธรรมอยู่ที่พระธาตุหล้าหนอง กลางแม่น้ำโขง ฉันไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับหนองคายเป็นว่าเล่น จนลืมเธอเสียสนิท…เธอเก่งมากที่สามารถเจริญเมตตาให้กับตัวเธอเองได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อฉันรินน้ำลงบนผืนน้ำในสระบัวทุกครั้ง ฉันจึงรับรู้ทันทีว่า หัวใจอันบริสุทธิ์และกอปรด้วยความเมตตาของเธอ แจ่มชัด เปิดกว้าง ใสสะอาด ยอมรับความเป็นจริงได้ทุกอย่าง เธอเข้าใจคุณค่าของความรักและความเมตตาที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนตามกาลเวลา ยิ่งนานวันความรักอันมั่นคงของเธอยิ่งมีพลังแห่งบุญกุศล เป็นสายใยรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้ง…เป็นรักแท้ที่ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา จิตที่มีเมตตาของเธอ…ไม่ว่าปลายทางฝันของเธอจะปิดจบเช่นไร ฉันมั่นใจว่าเธอสามารถยอมรับได้โดยไม่มีข้อสงสัย

ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แต่ยังคงทอแสงอ่อนโยน สายลมพัดแผ่วเบา หอบเอากลิ่นบัวหลวงสีชมพูที่ยังไม่ยอมหลับใหลผสมผสานกับกลิ่นอายของสายน้ำที่พริ้วไหวในสระบัว ซึ่งบัวหลากหลายสีเริ่มหลับใหลไปบ้างแล้ว เหล่านกกากำลังจะบินกลับรัง ส่งเสียงหยอกล้อต่อกระซิก จิ๊บจิ๊บๆ ในเวลายามเย็นเช่นนี้

พระจันทร์เริ่มส่องแสงอ่อนร่ำไร เพื่อเข้าแทนที่พระอาทิตย์ ขณะที่พระอาทิตย์ยังรีรอไม่ลาลับ เธอเอามือแตะที่ชายคางของฉันให้แหงนมองขึ้นไปที่ปลายฟ้า “พระอาทิตย์พระจันทร์เป็นดวงเดียวกัน” ที่แม่ฉันเคยบอกไว้เช่นนั้น เป็นความอัศจรรย์ในเอกภพ

พระอาทิตย์ลาลับแล้ว ฉันเดินออกจากศาลาริมสระบัวหลังน้อยพร้อมกับน้องสาวและมีเธอเคียงข้างเพื่อเดินตามแสงจันทร์ที่ส่องนำทาง แม้มีแมกไม้บดบังบ้างก็ยังพอมองเห็นรำไรเพื่อไปยัง ศาลาบัวพ้นน้ำ ซึ่งอยู่ห่างกันไม่กี่เมตรในวัดใหญ่คลายคีรี เพื่อปฏิบัติทำวัตรเย็นในค่ำคืนนี้ ขณะที่ก้าวเดินเพลงจันทร์ก็เข้าแทรกเข้ามาในจิตของฉันทันที…

…จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้า ครึ่งดวง คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร จันทร์คืนแรม วับแวมมีเพียงครึ่งใบ คงดังกับใจฉันที่มีเพียง ครึ่งดวง คอยรักที่จะเติมเต็มในทรวง โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน จันทร์ เอ๋ยจันทร์ ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตา หลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล ไม่รู้วันไหน หัวใจถึงจะเต็มดวง คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะ เต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหม วันนั้น หรือรักฉันจะเป็นเพียง ความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง หรือรักฉันจะเป็นเพียง ความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง…

เออหนอ…เธอสื่อสารกับฉันด้วยเสียงเพลง ดวงตาคู่นั้นของเธอยังคงมีความหวัง อย่าห่วง….ฉันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ให้เธอเองนะ