คอลัมน์ในอดีต

วันนี้ สนุกมากครับ

วันนี้ สนุกมากครับ

เป็นครั้งแรกที่ผมพาครอบครัวออกไปสัมผัส กับการเที่ยวป่า ของจริงบนเส้นทางถนนลูกรัง ขึ้นเขาลงเขาใน ป่าจริงๆเส้นทางอาจดูน่ากลัวสำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าป่าอยู่บ้าง แต่เส้นทางนี้ผมแอบมาสำรวจแล้ว มีรถเจ้าหน้าที่ป่าไม้และนักท่องเที่ยว ขับผ่านเป็นระยะจึงไม่ถือว่าเป็นเส้นทางที่เปลี่ยวมากนัก แต่ก็พอให้ได้ตื่นเต้นกัน ผมจึงคิดว่าน่าจะเหมาะกับการพา ลูกๆมาสร้างความประทับใจกับธรรมชาติเป็นครั้งแรก ซึ่งผมตั้งใจอยากให้ลูกๆชอบเที่ยวป่าเหมือนพ่อ (ไม่บังคับกันแต่ถ้าชอบก็ดี) ทริปนี้ผมจึงตั้งใจและลุ้นเป็นพิเศษ ว่าลูกๆจะประทับใจหรือเข็ดขยาดไปเลย (โดยเฉพาะภรรยาผม!)

ทริปนี้ผมเลือกที่จะพาครอบครัวไปที่เขาแผงม้า ซึ่ง เป็นผืนป่าเดียวกับป่าดงพญาไฟอยู่ประชิด อช.เขาใหญ่ และ อช.ทับลาน  และอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทของผมนัก ขามาผมขับมาจากกรุงเทพตามถนน 304 (กบินทร์บุรี- วังน้ำเขียว) ขึ้นไปทางวังน้ำเขียว จากนั้นเลี้ยวซ้าย ไปตามทางหลวงหมายเลข 3052 อีกประมาณ 11 กม.ก็จะเห็นป้ายทางขึ้นเขาแผงม้าอยู่ทางซ้ายมือ เขาแผงม้าเคยเป็นป่าอุดมสมบูร์ณมีกระทิงป่าอยู่มากมาย จนกระทั่งถูกบุกรุกจากนายทุน และล่ากระทิง จนป่าสมบูรณ์กลายเป็นเขาหัวโล้น  ต่อมามูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกป่าถาวร ฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับคืนดีดังเดิม ปัจจุบันผืนป่าจึงเริ่มกลับมาสมบูร์ณอีกทั้งมีกระทิงตามธรรมชาติอาศัยอยู่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยตัวแล้ว จุด ไฮไลท์ ของทริปนี้จึงเป็นการไปดู กระทิงป่า ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติจริงๆ โดยธรรมชาติของมนุษย์ จะชอบพาลูกๆไปดูสัตว์ป่าในสวนสัตว์ ผมจึงอยากพาลูกๆมาดูของจริงบ้าง เพื่อให้ได้รู้ว่า สัตว์ป่านั้นความจริงเค้าชอบอยู่ในธรรมชาติมากกว่า

เส้นทางหลังจากเลี้ยวซ้ายตามป้ายขึ้นเขาแผงม้าเพียงนิดเดียวก็กลายเป็นถนนดินลูกรังในป่า และมีร่องรอยน้ำเซาะถนนเป็นร่องบ้างแต่ไม่ใหญ่มาก ตามธรรมดาของถนนลูกรังบนเขาชัน ผม จึงต้องแจ้งให้ผู้โดยสาร “กรุณาเอาศรีษะ ออกห่างจากกระจกรถเพื่อความปลอดภัย” เพราะลูกๆผมจะชอบเอาหน้าไปใกล้ๆกระจกเพื่อดูวิวข้างนอก พอรถตกหลุมหัวก็จะโขกกับกระจกเป็นประจำ  ผมจึงต้องขับแบบช้าๆนุ่มนวลที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารชั้น vip ไม่ระคายเคือง แต่ก็ไม่วายลูกสาวคนเล็กบ่นขึ้นมาว่า “ป๊ะป๋า ขับดีๆหน่อยสิ”

หลังจากนั่งโขยกเขยก ผ่านอุโมงต้นไม้ครึ้มมาได้สักพัก ก็มาถึงจุดชมวิว ที่เห็นวิวภูเขาสวยงามและอากาศเริ่มเย็นจากระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น ลงมายืนถ่ายรูปได้ซักพักก็ถึงคิว เจ้าหนูจำไม(หนูน้อยช่างถาม) ลูกชายคนโต อายุกำลังจะ 6 ขวบ หันไปเห็นเม็ดสีน้ำตาลเล็กๆบนพื้นดิน จึงถามขึ้นมาว่ามันคือ อะไร ปรากฏว่าเป็นเมล็ดที่หลุดออกมาจาก ฝักของต้นไม้ใหญ่ชนิดนึง ซึ่งมองไปข้างบนก็จะเห็น ฝักที่คาต้นอยู่และข้างล่างก็มีฝักแก่ ร่วงอยู่รอบบริเวณ  การสำรวจเล็กๆของเด็กๆจึงเริ่มขึ้น ด้วยการก้มมองหาฝักที่ร่วงลงมาบนพื้นแต่ ยังมีเมล็ด เด็กๆหยิบขึ้นมาดู และถามพ่อหลายคำถามด้วยความสงสัย ผมจึงได้โอกาส อธิบายเรื่องของธรรมชาติให้ลูกๆฟัง ใต้ต้นไม้กลางป่าใหญ่ (ผู้เขียนเองยังรู้สึกว่ามันช่างเหมือนเรื่องแต่งขึ้นมา เรื่องนี้มันดีเหมือนในนิทานเลยครับ มีแววว่าลูกๆผมจะชอบการเที่ยวป่าแล้ว!)

หลังจากชมวิวและเรียนรู้เรื่องต้นไม้ แล้ว เราขับรถขึ้นเขาไปอีกเพียงนิดเดียวก็มาถึงที่ทำการของเจ้าหน้าที่ มีทั้งบ้านพักและ ลานกลางเต็นท์    เราจอดรถและมุ่งหน้าไปจุดชมวิว หรือจุดดูกระทิงไฮไลท์ของเราในทริปนี้ ซึ่งห่างจากจุดจอดรถเพียง 100 เมตร เท่านั้นแต่เป็นเส้นทาง ทดสอบความสามารถในการ เดินลงเขาชัน บวกกับดินโคลนลื่นๆและมีตะไคร่น้ำ ใครลงไปถึงจุดหมายโดยก้นไม่เลอะโคลนถือว่าสอบผ่าน ขาลงสอบผ่านกันทุกคนไม่มีใครลื่นจนก้นกระแทกพื้น อาจเพราะ ดินไม่แฉะมากนัก เมื่อมาถึงจุดชมกระทิง ซึ่งเป็นหน้าผาสูง สามารถมองลงไปเห็นทุ่งหญ้าและโป่งดินที่กระทิงออกมากินหญ้า เนื่องจาก วันนี้ อากาศครึ้ม จึงเห็นกระทิงฝูงใหญ่ออกมากินหญ้า อยู่เต็มแต่เนื่องจาก จุดที่เรายืนห่างจากกระทิง น่าจะประมาณ 500 เมตร แม้จะใช้กล้องส่องทางไกลก็ยังเห็นเป็นเพียงจุด ดำๆ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะที่ศาลาชมวิวมีรูปภาพและคำอธิบายให้ได้ศึกษากัน

ขากลับไปที่จอดรถต้องเดินขึ้นเนิน 100 เมตร ผมนึกว่าเด็กๆจะต้องเหนื่อยและบ่นกับเนินนี้ ปรากฏว่า ระหว่างทางเดิน มีทั้ง ผี้เสื้อ หลากสี ต้นไม้แปลกๆ กิ้งกือหลายพันธุ์ ซึ่งผมลองเอาไม้เขี่ยให้ลูกดูว่ากิ้งกือมันจะม้วนตัวเมื่อมีภัยมา เด็กๆก็ตื่นเต้นกันใหญ่ อากาศก็เย็นสบาย ปรากฏว่าเดินขึ้นเนิน 100 เมตรกันแบบ เพลินๆไม่มีใครเหนื่อยเลย ทุกคนขึ้นรถกลับบ้านกันอย่างปลอดภัย และประทับใจ

ในระหว่างที่นั่งรถกลับที่พัก ทุกคนกำลังเคลิ้มๆจะหลับ (ยกเว้นคนขับ) อยู่ๆลูกชายผมก็พูดประโยคที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยคือ  “วันนี้สนุกมากครับ”  มันทำให้ผมปลื้มมากในฐานะคนนำเที่ยว และในฐานะพ่อ ที่เห็นลูกๆที่ปกติอยู่ในป่าคอนกรีตใช้ชีวิตอยู่กับ ไอแพด ได้ออกมาสนุกและเรียนรู้กับโลกกว้างอย่างที่ควรจะเป็น

โอ้ต อัคนิษฐ พีชผล