ความสมบูรณ์ กลับมาอีกครั้ง
ความสมบูรณ์ กลับมาอีกครั้ง
ออกนอกสนามไปหลายตอน สมกับชื่อคอลัมน์ ว่า OB by Oat ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะเอากล้องมาถ่ายรูปกรีน ให้ดูว่าฝนลงแล้ว ทั้งกรีนทั้งแฟร์เวย์สวยแค่ไหน ยังไม่ยอม ออนกรีนเสียที เนื่องจาก ช่วงนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน และปีนี้มีผีเสื้อเยอะเป็นพิเศษ ขนาดขับรถกอล์ฟมาต้องเบรคให้ผีเสื้อที่เกาะบนถนน บินหนีให้หมดเสียก่อน พอยก กล้องขึ้นมา แทนที่จะโฟกัสบนกรีนก็เลยกลายมาเป็นโฟกันที่ผีเสื้ออีกจนได้
ตอนนี้ผู้ดูแลสนามกอล์ฟหลายๆท่านคงรู้สึกดีใจไม่แพ้กันว่าน้ำมาแล้ว! รอดแล้ว! ปีนี้ สนามเราก็หวุดหวิดน้ำจะไม่พอรดหญ้าเหมือนกันแต่ก็รอดมาได้ หลังจากเราทำ verticut และ coring กรีนในช่วงหน้า ร้อน (และ แล้ง) พอหญ้าบนกรีนฟื้นตัว ก็พอดีกับฝนตกลงมาพร้อมกับ ไนโตรเจนในน้ำฝน ทำให้หญ้าบนกรีน เขียวสวยขึ้นมาอย่างทันตา โดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ย ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่กรีนสภาพดีมากแต่ก็ต้อง ขอร้อง ฟ้าฝนว่าอย่าตกมากจนไม่มีแดดเลย เพราะมีอยู่ปีนึงที่ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา จนคลอโรฟิล ในใบหญ้าไม่เคยได้เจอแสงแดดเลย แต่ตะไคร่น้ำกับเชื้อราบนกรีน กลับขยายอานาจักรบนกรีนกันอย่างมีความสุข ปีนี้ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลยครับ
เลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพนี้ขออนุญาติโม้นิดนึง ว่าเป็นเลนส์ที่ดีมากๆ เนื่องจากมีรุ่นพี่ที่เคารพให้ยืมมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าดีเพราะไม่ต้องเสียเงินซื้ออย่างเดียว แต่เป็นเลนส์ที่เค้าว่ากันว่า ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว! เลนส์ตัวนั้นคือ tokyo kogaku topcor 58/1.4 ซึ่งเป็นเลนส์ที่สเปคดีมาก คือรูรับแสงกว้าง ทำให้ถ่ายภาพได้ง่ายในที่แสงน้อย ปกติเลนส์เทพแบบนี้ราคาต้องแพงเกือบเท่ากล้อง แต่เลนส์ตัวนี้ ไม่แพงขนาดนั้นเนื่องจาก เลนส์ตัวนี้ตามประวัติ ผลิตมาตั้งแต่ปี 1963 นั่นหมายความว่าผลิตมาแล้วถึง 53 ปี มีอายุมากกว่าผมอีก แต่คุณภาพนั้นดีมากจริงๆ สมกับที่เป็นเลนส์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (ในตอนนั้น) เนื่องจากในยุคนั้น บริษัท canon และ Nikon ยังไม่เกิดเลย แต่เลนส์ตัวนี้ผ่านไป 53 ปีไม่น่าเชื่อว่ามือสองขายกันอยู่ใน ebay ราคาเป็นหมื่น
หากใครติดตามคอลัมน์ ผมก็จะพอทราบว่าผมชอบที่จะใช้เลนส์ วินเทจ ในการถ่ายภาพเนื่องจากเลนส์พวกนี้มีบุคลิคที่น่าสนใจในแต่ละตัว แตกต่างกับเลนส์ยุคใหม่ที่ให้ภาพที่สมบูร์ณเหมือนกันเกือบหมดแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นเลนส์ที่แถมมากับกล้อง ก็คุณภาพดีไร้ที่ติ แต่เลนส์ วินเทจ นั้นจะมีความไม่ สมบูร์ณ หรือ เรียกให้ดีขึ้นมาหน่อยคือ คาแรคเตอร์ ของเลนส์ โดยเฉพาะ Bokeh หรือจุดที่หลุดโฟกัส ของภาพ ซึ่งผมเปรียบเทียบมันว่ามันเหมือน การวาดภาพแล้วใช้ เทคนิคและเบอร์ภู่กันต่างกัน จึงทำให้แต่ละเลนส์สร้างภาพออกมาไม่เหมือนกัน อย่างในรูปนี้ คาแรคเตอร์ อาจไม่ชัดมากนัก เพราะ bokeh มีความ smooth อย่างที่เลนส์ยุคใหม่มีแต่ยังมีความคลาสสิคอยู่ เลนส์ยุคเก่า บางครั้งฉากหลังมันดูเหมือนภาพวาด ซึ่งคิดว่าถ้าเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาจะได้ภาพที่สวยมาก เลนส์พวกนี้จะเหมาะ กับการถ่าย portrait มากครับ โดยเฉพาะถ่ายภรรยาเนื่องจาก ภาพ จะ นวลๆ นัวๆ เหมือนรูปวาด ไม่ชัดจนเห็นริ้วรอยมากเกินไปทำให้ ภรรยามีความสุข และคนถ่ายก็จะมีความสุขครับ
OAT