แก้วใจจุลจอม : พระเมรุมาศ (2)
พระเมรุมาศ (2)
วันที่ ๒ ซึ่งปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ฉบับที่๔๕๐๑ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ตรงกับวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๒๓ ปรากฏความดัง
“…เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกพระเมรุ เสด็จเข้าประตูด้านตะวันตก ประทับมุขตะวันตก แล้วเสด็จประทับมุขตะวันออก พระญวน พระจีนกับจีนเจ้าภาษีตั้งเครื่องพระญวนสวดกงเต๊ก แล้วเสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรมพระราชทานครอบและสิ่งของแก่ข้าราชการในกรุงนอกกรุงตามควร แล้วพระธรรมกิตติ ถวายพระธาตุกถา พระพิธีธรรมวัดระฆังสวดธาตุกถาจบแล้ว พระปรากรมมุนีถวายบุคคลบัญญัติ พระพิธีธรรมวัดหงส์สวดบุคคลบัญญัติจบแล้ว พระราชทานรางวัลเจ้านายและข้าราชการที่ได้ฉลองพระเดชพระคุณในการเมรุนี้ และที่ได้ถวายของในการพระเมรุนี้บ้าง แล้วเสร็จขึ้นข้างในพระราชทานรางวัลเจ้านายข้าทูลละออง และภรรยาข้าราชการที่ได้ถวายของในการพระเมรุนี้บ้าง
“เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกพลับพลามวย ทรงโปรยสลากและมะนาว แล้วพระราชทานครอบและมะนาวแก่กงสุลต่างประเทศและชาวต่างประเทศที่ควรจะพระราชทาน โปรดให้เทวดาทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ทุกต้น มีรำทวน ๒ คู่ เวลาค่ำทรงจุดดอกไม้ มีรำโคมสิงห์โต มังกร และดอกไม้ต่างๆ การมหรศพมีเต็มที่อย่างเช่นว่าไว้แล้วในวันก่อนๆ
“เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จกลับประทับในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ต เอก โท ไตรเปล่า สลาก แล้วเสด็จกลับพระที่นั่งทรงธรรมพระราชทานรางวัลเจ้ากรมพระตำรวจและอื่นๆซึ่งเป็นนายด้านทำการพระเมรุครั้งนี้ และพระราชทานรางวัลเจ้านายซึ่งถวายของในการพระเมรุคราวนี้ด้วย และมีพระธรรมเทศนา ๒ กัณฑ์ พระราชมุนีถวายเทศน์พระกถาวัตถุ พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์สวดพระกถาวัตถุจบแล้ว พระเทพกระวีถวายเทศน์พระยมก พระพิธีธรรมวัดมหาธาตุสวดพระยมก แล้วเสด็จในพระเมรุพระราชทานสลากแก่เจ้านาย มีสมเด็จกรมพระเป็นต้น เสด็จกลับพระที่นั่งทรงธรรมทรงโปรยสลากเจ้านายข้าราชการเล็กน้อย เวลา ๒ ยาม เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
“อนึ่งเวลาเสด็จกลับจากพลับพลามวย และเวลาเสด็จเข้าพระบรมมหาราชวังนั้นเสด็จขึ้นและเสด็จออกลงทรงพระราชยานทางเกยหน้าพระที่นั่งทรงธรรมด้านนอกเสมอทุกวัน
“ข้าราชการสวมเสื้อนุ่งผ้าเหมือนเวลาวานนี้ ข้าหลวงเดิมแผ่นดินพระจอมเกล้า และแผ่นดินปัจจุบันนี้นุ่งขาวทุกวัน…”
การบำเพ็ญพระราชกุศลหน้าพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และพระราชธิดา ก่อนพระราชทานเพลิง ในวันที่ ๓ ปรากฏรายละเอียดตามความในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ประจำวันที่ ๔๕๐๒ ตรงกับวันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๒๓ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ความว่า
“…เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกพระเมรุ เสด็จเข้าประตูด้านตะวันตก แล้วประทับบนพระเมรุมุขตะวันตก แล้วเสด็จมาพระที่นั่งทรงธรรม ทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วมิสเตอร์อาลบาสเตอรเฝ้า หม่อมเจ้าปฤษฎางค์นำมิสเตอรตอเร และชาวยุโรปอีกหลายคน เฝ้าพระราชทานครอบครัว มิสเตอรอาลบาสเตอร และชาวยุโรปอื่นๆแล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าพระเมรุ เสด็จประทับด้านตะวันตกทรงทอดผ้าไตรสังเค็ต เอก โท สดับปกรณ์ แล้วประทับพระเมรุด้านตะวันออก ทอดพระเนตรพระญวน พระจีน และจีนเจ้าภาษีตั้งเครื่อง พระญวนสวดกงเต๊ก พระนรินทรนำเจ้าเมืองพระบริสุทธิ์เมืองตะกั่วทุ่ง และพระไทรโยค และเมืองอื่นๆเสด็จกลับพระที่นั่งทรงธรรม พระราชทานครอบข้าราชการ และพระราชทานรางวัลของเจ้านายข้าราชการและคนอื่นๆ เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้นข้างใน พระราชทานรางวัลของผู้ที่ถวายของในการนี้บ้างตามที่ท่านมาเฝ้า
“อนึ่ง เมื่อเวลาเพลแล้ว มีพระธรรมเทศนา ๒ กัณฑ์ พระเทพโมฬี ถวายเทศนามหาปัฏฐาน พระพิธีธรรมวัดราชสิทธิ์สวดมหาปัฏฐานจบแล้ว พระอมรโมฬีถวายเทศนาสิงคหปริจเฉท ๑ พระพิธีธรรมวัดพระเชตุพนสวดสังคหปริจเฉท ๑
“เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพลับพลามวย ทรงโปรยสลากและมะนาว โปรดให้เทวดาโปรยทานตามต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๘ แล้วโปรดให้พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ทิ้งสลากมะนาว ขุนนางท้ายพลับพลา มีรำทวน ๒ คู่ มีตีพลอง ๑ คู่ เวลาค่ำทรงจุดดอกไม้และการอื่นๆ ก็มีเหมือนวานนี้เหมือนกัน
“เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้นจากพลับพลามวย ประทับเกยพระที่นั่งทรงธรรม แล้วเสด็จประทับพระเมรุด้านตะวันออกทรงทอดผ้าไตรสังเค็ตเอก โท และสลากสดับปกรณ์แล้วเสด็จกลับพระที่นั่งทรงธรรม มีเทศนาพระธรรมภาณพิลาศถวายเทศนาสังคหปริจเฉท ๒ พระพิธีธรรมวัดเทพธิดาสวดสังคหปริจเฉท ๒ จบแล้ว พระประสิทธิศีลคุณถวายเทศนาสังคหปริจเฉท ๓ พระพิธีธรรมวัดหงส์สวดสังคหปริจเฉท ๓ แล้วทรงโปรยสลากพระราชทานเจ้านายเล็กน้อย เวลา ๒ ยามเศษเสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวังวันนี้การมหาศพ และแต่งตัวเหมือนวานนี้”
วันถัดมา ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๒๓ อันเป็นวันถึงกำหนดพระราชทานเพลิง รายละเอียดของเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้ปรากฏในจดหมายเหตุราชกิจรายวัน ฉบับประจำวันที่ ๔๕๐๓ ตรงกับวันพุธ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ความว่า
“…เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินพระเมรุเข้าประตูด้านตะวันตก เสด็จขึ้นพระเมรุแล้วไปประทับพระที่นั่งทรงธรรม ฝรั่งผู้หญิงเฝ้าหลายคน พระราชทานครอบและสิ่งของตามควร แล้วคนยุโรปที่เป็นพ่อค้านายห้างเฝ้า พระราชทานครอบและผลมะนาว แล้วประทับที่พระที่นั่งทรงธรรมห้องกลาง พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แล้วเสด็จสดับปกรณ์ด้านตะวันตก แล้วมาประทับด้านตะวันออก พระญวน พระจีน เจ้าภาษีตั้งเครื่อง พระญวนพระจีนสวดกงเต๊กแล้วเสด็จกลับพระที่นั่งทรงธรรมแจกครอบ และสิ่งของแก่ข้าราชการเจ้านายตามสมควร เสด็จเข้าที่หลวงราโชถวายอยู่งาน ครั้นแล้วเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นถวายเทศน์ พระโพธิวงศ์ถวายเทศนาสังคหปริจเฉท ๔ พระพิธีธรรม วัดราชบุรณสวดสังคหปริจเฉท ๔ จบ พระศรีวิสุทธิวงศ์ถวายเทศน์สังคหปริจเฉท ๕ พระพิธีธรรมวัดสระเกษสวดสังคหปริจเฉท ๕ จบ
“เวลาเที่ยงเชิญพระศพสมเด็จพระนางเจ้าและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ลงจากพระเบ็ญจามาตั้งในห้อง ซึ่งกันรักแร้เมรุ มุขตะวันตกและใต้ต่อกัน เจ้าพนักงานภูษามาลาชำระพระศพเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทอดผ้าไตรพระราชาคณะ ถานาเปรียญ สดับปกรณ์ปากพระโกศทั้งสองพระศพแล้ว เวลาเกือบค่ำจึงได้เชิญพระศพขึ้นตั้งบนที่พระราชทานเพลิง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยา (บรมมหาศรีสุริยวงศ์) ท่านเสนาบดี กงสุลต่างประเทศเฝ้าอยู่พร้อมกัน อยู่ด้านตะวันออก ครั้นเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินขึ้นไปพระราชทานเพลิงพระศพทั้ง ๒ และพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายหน้า และกงสุลต่างประเทศ พร้อมกันขึ้นไปถวายพระเพลิง และสมเด็จพระนางเจ้า พระนางเธอ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน และคนอื่นๆก็ขึ้นไปถวายพระเพลิงเป็นอันมากเสียงร้องไห้กึกก้องไปทั้งนั้น
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกพลับพลามวยทรงโปรยสลาก และมะนาว และโปรดให้ทิ้งทานมีการเล่นอย่างเช่นทุกวัน พอค่ำทรงจุดดอกไม้แล้วเสด็จประทับพระเมรุตะวันออก แล้วสดับปกรณ์กองเพลิงทั่ง ๒ แล้ว เสด็จพระที่นั่งทรงธรรมเสวย ครั้นแล้วเสด็จออกพระเมรุ เสด็จขึ้นไปบนฐานปัทม์ทรงแจกทรงโปรยสลากเจ้านายซึ่งอยู่ที่นั่นบ้าง และทรงโปรดพระราชทานภูษามาลา แล้วพระราชทานภูษามาลาที่ฉลองพระเดชพระคุณแล้วเสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรมทรงแจกสลากเจ้านาย ข้าราชการ เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
“อนึ่งตั้งแต่วันชักพระศพมาจนวันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา และพระนางเธอเสาวภาผ่องศรี ท่านก็ทรงบริจาคถวายสังเค็ต มีเทศน์สดับปกรณ์ถวายเป็นเอนกอนันต์เป็นส่วนเจ้าภาพ และได้พระราชทานของตอบแทนผู้ที่ถวายของ และพระราชทานมะนาวแก่ผู้ถวายผ้าเหมือนกัน และไทยทานที่ถวายพระสงฆ์ก็เป็นของดีๆโดยทั่วไปทั้งนั้น…”
มณีจันทร์ฉาย