ระหว่างทางกลับจากที่ทำงาน
ระหว่างทางกลับจากที่ทำงาน
น้าโต้ง น้าแท้ๆ ของผม เคยช่วยเลี้ยงผมตอนเด็กๆช่วงปิดเทอม ปัจจุบันขี่ มอเตอร์ไซค์เที่ยวป่าด้วยกัน เคล็ดลับ ความแข็งแรงคือ ออกกำลังกายแล้วดื่มเบียร์
เราขับรถมาตามร่องเขาในภาพนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะขับทะลุออกจากป่าแล้วจะมาพบกับวิวนี้
ปกติผมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ จากสนามกอล์ฟ ในจังหวัดปราจีนบุรี ทุกวันอาทิตย์ แต่ครั้งนี้ แอบแวะสำรวจเส้นทาง ที่จะไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเพราะ เริ่มแรกตั้งใจแค่จะขับไปดูจุดที่จะ พาลูกๆไปกางเต็นท์ หน้าหนาวและสำรวจทางเข้าเส้นทางที่วางแผนไว้นานแล้วว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ เข้าป่าแถววังน้ำเขียว ปรากฏว่า การแวะเที่ยวก่อนกลับบ้านครั้งนี้ เพิ่มระยะทางไปเกือบ200 กม. แต่เป็น ทริปสั้นๆเพียงครึ่งวันที่ อลังการน่าจดจำมาก
เริ่มออกเดินทาง จากกบินทร์บุรี ไปถึงจุดกางเต็นท์ที่ผมวางแผนไว้ว่า จะจอด ยานแม่ (รถยนต์ พร้อมรถพ่วงบรรทุก มอเตอร์ไซค์) ตั้งใจว่าหลังจากพัก 1 คืนตอนเช้าก็จะเอามอเตอร์ไซค์ลงจากรถพ่วงขี่สำรวจเส้นทางที่จะทะลุจากวังน้ำเขียวไป อำเภอ ครบุรี เพื่อไปเที่ยวเขื่อนลำมูลบน เส้นทางนี้ผมดูจาก Google map และไม่มั่นใจว่าจะผ่านทะลุป่าทึบในเขตอุทยานฯ ได้หรือไม่ ครั้งนี้ตั้งใจจะขับไปดูทางเข้าและสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หรือ ขออนุญาติเอาไว้ก่อน ปรากฏว่า เมื่อมาถึงทางเข้าซึ่งมีที่พักของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ไม่มีแผงกั้น และทางโล่งกว้างมาก แม้จะเป็นถนนลูกรังในป่า แต่สภาพดีมาก ขับไปสักพักก็สวนกับ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ดูจนท.ไม่แปลกใจอะไรที่เราขับรถเข้ามา แต่เมื่อถามว่า ขับเข้าไปทะลุเขื่อนได้ไหม จนท. กลับตอบว่า”ได้” แบบไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ไม่เป็นไรในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ทางก็ดี วิวก็สวย จนท ก็ไม่ว่าอะไรเรา จึงขับลุยต่อไปเพราะระยะทางตาม Google ไม่ไกลมากนักไม่เกิน 20 กิโลเมตรอย่างมากก็กลับรถ
เส้นทางที่เราขับเข้าไปเป็นถนนลูกรังในป่าทึบ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ใช้ในการลาดตระเวณ เป็นประจำ จึงมีการตัดไม้ข้างทางจนค่อนข้างโล่ง มีเพียงกิ่งไม้ล้มมา กรีดสีรถเป็นบางช่วง เสียงกิ่งไผ่ที่ขูดสีรถตั้งแต่หน้ายันท้าย มันลึกมาถึงหัวใจคนในรถ แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำร้ายรถเราเพราะทางในป่านี้ ทำลายช่วงล่างน้อยกว่าฝาท่อ บนถนนใน กทม เสียอีก
ผมเคยใช้รถ 4WD มาหลายคัน ขับเที่ยวป่าก็บ่อย แต่ก็เป็นเส้นทางง่ายๆ ไม่เคยไปลุย แบบคาราวาน ต้องมี วินซ์ คอยลาก หากจะไปทางยากๆเอา มอเตอร์ไซค์ไปสนุกกว่า ทริปสำรวจครั้งนี้จึงถูกใจมากเพราะเราเน้นขับชมวิวสำรวจไปเรื่อยๆ ความชันของถนนในทริปนี้เต็มที่ก็ 11 องศา โดยดูจากเครื่องวัดในรถ จึงไม่ต้องปรับเปลี่ยนโหมด 4WD ใช้เพียงโหมด Normal (ความจริง รถขับ 2 ก็ไปได้) มีโอกาสได้ใช้ เกียร์ 4 low นิดหน่อยช่วงขึ้นเขา 11 องศามีหินก้อนใหญ่หลายก้อน ก็ใช้ โหมดนี้คลานขึ้นไปช้าๆไม่ให้กระแทกหิน
สิ่งประทับใจสำหรับคนที่ห่างหายจากรถ 4WD มานานคือ เทคโนโลยี ซึ่งผมเคยขับและจะชอบ ระบบ Manual ง่ายๆ ทนทานใช้งานได้จริง แต่พอได้ลองระบบใหม่ๆก็ชอบใจอยู่เหมือนกัน (ถ้ามันทนทานและไม่ทรยศเราเมื่ออยู่กลางป่า) ระบบที่ว่าคือ “hill descent control” ระบบนี้จะรักษาความเร็วขณะลงทางชันและผิวถนน ขรุขระมาก ผมขอเรียกระบบนี้ว่า “ระบบหยอด” เพราะเมื่อเรากดปุ่มนี้ เมื่อลงเขารถจะเบรคเพื่อรักษาความเร็วให้เอง ถ้าอยู่ในช่วงความเร็ว 3-20 mph(ข้อมูลจาก อินเตอร์เนท) ตอนแรกคิดว่าระบบนี้ต้องคอยกดปุ่มเปิดและปิดบ่อยๆ ปรากฎว่า เปิดระบบนี้ทิ้งไว้ได้เลยถ้าลงเขายาวๆ เมื่อความเร็วเกิน เราก็จะขับได้เหมือนปกติแต่เมื่อ เจอโขดหินแล้วความเร็วอยู่ในช่วงที่ระบบทำงาน รถมันก็จะเบรคและหยอด ให้เรา คำว่าหยอดนี่หมายถึงเมื่อเราปีนหินเราต้องเหยียบคันเร่งมากกว่าปกติ และเมื่อพ้นหินนั้นปุ๊บ รถก็จะพุ่ง อย่างแรง พร้อมกับผู้ขับต้องเหยียบเบรค จึงเกิดแรงบวก 2 อย่างคือ ล้อรถตกลงมาจากหิน อย่างเร็ว พร้อมกับเบรค ท้องรถจึงกระแทกกับหิน วิธีแก้แบบ Manual คือทำตาม ตำราการขับ ออฟโร้ด(เกียร์ออโต้) ด้วยการใช้ทั้งสองเท้าขับ เท้าซ้ายพร้อมเหยียบเบรค เท้าขวาเหยียบคับเร่งและให้เท้าขวาแนบกับผนังรถด้านในช่วยล็อคไว้ป้องกันการเหยียบหรือ ผ่อนคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อตกหลุม ผู้ขับต้องพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้รถกระแทกกับหินเพราะนั่นอาจหมายถึง การได้กินข้าวป่า แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ (บ่อยครั้งผมไม่ปลื้มกับมันเนื่องจากมันยังไม่สมบูร์ณ) ในกรณีนี้น่าประทับใจมากระบบนี้เหยียบเบรคได้เร็วและเนียนกว่าเราเยอะ ทำให้การขับผ่านดงหินตอนลงเขา นุ่มนวล ถึงขั้นหากถือเบียร์อยู่ก็ไม่หก
เขียนอย่างกับจะรีวิวรถ ผมไม่เอ่ยยี่ห้อนะครับ เล่าต่อเรื่อง การสำรวจดีกว่าครับ หลังจากพ้นออกมาจากป่า ไม่น่าเชื่อเรามายืนอยู่บนที่ราบสูง โคราช อำเภอ ครบุรี มองย้อนกลับไป ทางทิศใต้คือวังน้ำเขียวซึ่งเราขับรถมาตามร่องเขาในภาพ จากจุดชมวิวนี้เรายังขับรถ ต่อไปถึงเขื่อนมูลบน (ระหว่างทางวิวสวย Unseenมากๆ)ไปกินข้าวริมเขื่อน เย็นแล้วกลับกทมถึงบ้านตอน 4 ทุ่ม
ก็ถือว่าเป็นทริป สำรวจและท่องเที่ยวครึ่งวันที่ประทับใจมากครับ รอบหน้า จะมาด้วยมอเตอร์ไซค์ วิบาก เพื่อสำรวจทางลัดไปเขื่อน (สั้นลง 20 กม.) และปลายปีก็จะพาลูกๆมา นอนเต็นท์เป็นครั้งแรกกันครับ
โอ้ต อัคนิษฐ พีชผล