Interview

ปุณณภา พูลเจริญ – ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ปุณณภา พูลเจริญ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทพูลประไพ จำกัด

คุณแม่ชอบบอกว่า ลูกสาวคนนี้ ชอบความเนี้ยบ เป็นคุณหนู รักสวยรักงามมาตั้งแต่เด็ก ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่คือพร้อมไปเมื่อนั้น ถึงจะไม่ไปไหนก็ต้องแต่งตัวเตรียมไว้เสมอ…

อยู่กับคุณแม่ ท่านสอนให้ทำแต่งานบ้าน ฝึกขายของ ไม่มีโอกาสได้เล่นเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น แต่เพราะนิสัยกล้ากว่าคนอื่น ขนาดเพื่อนๆ ยังไม่กล้าคบ ดื้อซนยังกับเด็กผู้ชาย ปีนป่ายต้นมะม่วงเป็นว่าเล่น ยังดีที่รู้จักใส่ใจรักษาดูแลตัวเองมาตลอด

คุณมุกมีนิสัย ชอบ รักการทำงาน ซึ่งติดมาจากคุณแม่ ที่ทำให้เห็นอยู่เสมอ ทุกคนในบ้านขยันทำมาหากิน เช้าๆ เด็กๆ ต้องไปเก็บดอกแค เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ มีสวน รู้จักวิธีเกี่ยวข้าวดำนา พายเรือขายของ ทุกอย่างทำได้หมด

“ว่าไปแล้ว มุก เหมือนกับคนสองยุค ได้เห็นโลกมาทั้งสองแบบ ได้ใช้ชีวิตมาตั้งแต่อยู่กลางท้องไร่ท้องนา จนมาถึงยุคโลกดิจิตอล ซึ่งเด็กปัจจุบันไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว”….

ตั้งแต่คุณพ่อจากไป ชีวิตก็ผกผันทันที ด้วยความเป็นลูกคนโตที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว ดีที่รักการทำงาน สนุกกับการทำงาน ยิ่งทำยิ่งสนุก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักพักผ่อน เพราะสามารถทำงานไปด้วยรีแลกซ์ไปด้วย

คุณมุกจึงเลือกเรียนสายอาชีพ เพื่อจะได้หางานทำได้เร็วขึ้น พอจบเริ่มไปทำงานเป็นนักบัญชีอยู่บริษัทขายไม้แปรรูป พอดีพนักงานขายไม่พอ เขาก็ให้ไปช่วย เธอต้องเข้าไปในไซด์ก่อสร้าง เพื่อพบกับเจ้าของ แล้วอธิบายเรื่องไม้ต่างๆ ให้ฟังอย่างคล่องแคล่ว ตามประสานักบัญชีที่ต้องรู้ลึก จนเจ้าของทั้งทึ่งทั้งไม่เชื่อ เลยขอตามกลับมาที่บริษัทเพื่อพบกับเจ้านาย ถึงได้เริ่มสั่งไม้ล็อตใหญ่ ทำให้เธอได้ผลงานชิ้นสำคัญขึ้นมาทันที

อยู่ได้ราวสามปีก็ขยับขยายไปอยู่ท่าเรือ ทำเรื่องสินค้าขาออกโดยเฉพาะ เป็นผู้ช่วยหัวหน้าดูแลเรื่องเอกสาร ทั้งแผนกไม่มีผู้หญิงอีกเลยนอกจากเธอคนเดียว เลยกลายเป็นเหมือนไข่ในหิน ฝึกให้รู้จักความกล้าที่จะคุยกับผู้คน ทำจนครบหกปี ก็มีคนขอให้ไปช่วยงานแต่ก็ไม่นานนัก เพราะตัวเองมีโครงการที่อยากจะทำอยู่แล้ว…

จังหวะนั้นโรงพยาบาลสมิทธิเวชที่ศรีนครินทร์กำลังเปิดรับสมัคร ใจเธออยากลองเข้าทำงานในโรงพยาบาลบ้าง แต่ตำแหน่งที่ได้กลับให้ไปเป็นเลขาของวิศวกรงานระบบ ซึ่งกำลังจะเริ่มก่อสร้างอาคารใหม่ ก็ต้องไปทำงานที่มีผู้ชายเยอะๆ อีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรมากนักเพราะคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้ว พอทำไปสักพักก็นึกอยากจะเรียนต่อระดับปริญญาตรี จึงต้องเรียนไปทำงานไป

“ชีวิตมุกไม่เคยได้หยุดทำงาน ต้องส่งตัวเองเรียน พวกพี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันก็เอ็นดู หางานมาให้ทำ แม้กระทั่งจ้างให้ซักผ้า แถมยังช่วยจ่ายมากกว่าที่จะต้องจ้างคนอื่น งานพิเศษที่พี่ๆ ให้ทำได้มากกว่าเงินเดือนซะอีก เพราะถือว่าให้น้อง และยังฝึกขับรถให้จนเป็น เราก็ถือว่าเป็นน้องเล็ก ต้องคล่อง พี่สั่งอะไรก็ทำให้ได้หมด”…

“พอสร้างตึกเสร็จก็ต้องกลับไปทำงานบัญชี ก็ทำได้นะ เพราะชอบเขียนตัวเลขอยู่แล้ว แต่ผู้ใหญ่เห็นว่าเราเหมาะกับหน้าที่อื่นมากกว่า ก็สั่งให้ไปช่วยงานด้านการเงิน ต้อนรับแขก ซึ่งเราอะไรก็ได้ ขอให้เจ้านายสั่งมาเถอะทำได้ทั้งนั้น ทำให้ต้องออกไปเจอกับผู้คน จนกลายเป็นรู้จักกับคนทั้งโรงพยาบาล แล้วก็ช่วยงานด้านการเงินมายาวนานเลย”…..

งานด้านนี้ทำให้มีโอกาสได้พบกับชาวต่างชาติ เรียนรู้การใช้ภาษา โชคดีที่ผู้ใหญ่ ลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการของโรงพยาบาลประจำให้ความเอ็นดู ทำให้กล้าที่จะพูดไม่กลัวผิด เวลาถูกส่งให้ไปเรียนภาษาก็รู้สึกว่ายากมาก สู้เรียนรู้จากการทำงานจริงๆ ไม่ได้ เพราะสนุกกว่ากันเยอะ เหมือนกับเล่นกอล์ฟ ก็ไม่เคยได้ฝึกซ้อม อาศัยลงสนามไปลุยของจริงเลย…

“ครั้งแรกที่รู้จักกับกอล์ฟ เป็นเพราะความบังเอิญ วันนั้นตามผู้ใหญ่ซึ่งเป็นชาวต่างชาติไปสนามกอล์ฟ เขาบอกให้ไปก็ไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอถึงเวลาเล่นเขาก็เรียกให้ไปลองไดร์ฟให้ดูทั้งๆ ที่ใส่ส้นสูงอยู่ แล้วก็ทำได้เลย โดยทุกคนไม่เชื่อว่านั่นคือการจับไม้กอล์ฟครั้งแรกในชีวิต ขนาดตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไปได้อย่างไร จากนั้นก็เล่นมาตลอดโดยใช้วิธีธรรมชาติ”……

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเมื่อยังเด็กเธอถนัดในเรื่องกีฬา ทั้งขว้างจักร พุ่งแหลน กระโดดเชือก วิ่งเปรี้ยว คนอื่นอาจจะดูว่าแก่นแก้ว แต่สำหรับตัวเองมองเห็นว่าเป็นเรื่องปกติไม่รู้สึกว่าชีวิตแปลกประหลาดแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นนักกีฬา ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี แต่ทำยังไงก็ได้แต่แวะโน้นแวะนี่ ไปไม่ถึงจุดนั้นสักที่…

จุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวจะไปล่องเรือเที่ยวกัน แล้วคุณมุกลางานไปไม่ได้ จนเกิดความน้อยใจ จังหวะนั้นเพื่อนที่ทำงานอยู่กรุงเทพประกันชีวิตซึ่งทำงานอยู่กับหัวหน้าเก่า มาแจ้งว่าหัวหน้าต้องการผู้ช่วย เธอเองก็เบื่องานพอดี เพราะงานที่ทำหนักมาก ควบสองกะ กลับบ้านดึกตลอด เลยขอลาออกเปลี่ยนงานทันที โดยไม่มีปัญหาอะไรกับใคร เจ้านายก็ยังไม่ยอมให้ออก แต่เธอก็ขอชี้แจงว่าอยากทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองบ้าง ถึงจะเลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน ก็ไม่ทำให้เปลี่ยนใจได้…

งานใหม่ที่ทำเข้าทางกับชีวิตมาก ได้เลิกงานเร็ว ไม่มีใครมากำหนดเวลา ไม่ต้องโหมจนดึกดื่น ได้พูดคุยกับผู้คนซึ่งเป็นสิ่งที่เธอถนัด เป็นเรื่องของการประกันภัยโดยเฉพาะ ถึงตำแหน่งนี้เป็นหน้าที่ใหม่ แต่เธอก็คุ้นเคย เพราะได้สมัครเป็นตัวแทนมาตั้งแต่สมัยทำงานที่ท่าเรือเพื่อซื้อให้กับคนในครอบครัว ทำให้รู้จักกับเรื่องประกันดี

“แต่บอกได้ว่าไม่ชอบเลย อาศัยได้ซื้อประกันให้แม่ถูก ไม่ยอมจ่ายค่านายหน้าให้ใคร เป็นคนหาเงินเก่ง ประหยัดในบางเรื่อง แต่ก็ใช้เงินเก่ง หาได้เท่าไหร่ก็ใช้หมด ความได้เปรียบอย่างหนึ่งคือทำงานมาในสายการเงินของโรงพยาบาล ทำให้ทราบกระบวนการทางการเงิน อย่างละเอียด รวมไปถึงการประกันภัย จึงมีผู้มาชักชวนให้เข้าไปร่วมงานเยอะมาก แต่ก็ไม่เคยคาดหวังอะไร เพราะมิเช่นนั้นจะรู้สึกว่าเราจะต้องการอะไรจากคนอื่น ซึ่งไม่ชอบ อาศัยแค่เห็นอะไรดีก็บอกต่อ ใครจะซื้อไม่ซื้อไม่เป็นไร”… คุณมุก เล่าถึงชีวิตการเป็นตัวแทนฯ เพียงเพราะต้องการประหยัด…

ปัจจุบันคุณมุกทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีอะไรส่วนตัวที่ต้องทำอีก ซึ่งแต่ละสิ่งงที่ได้มานั้นเป็นการทำโดยไม่ได้คาดหวัง บริษัทก็อบอุ่นเหมือนครอบครัว มีหลายคนมาทาบทามให้ไปโน่นไปนี่ แต่ก็คิดว่าไปที่ไหนก็ต้องทำงานเหมือนกัน ดังนั้นขอเลือกอยู่ในที่ที่สบายใจดีกว่า แล้วยังมีอะไรที่ชอบอยู่อีกตั้งเยอะแยะ เมื่อไม่เคยคิดร้ายใคร รู้ว่าหน้าที่ต้องทำอะไร งานก็เข้ามาเป็นระยะ และความภาคภูมิใจในการทำอาชีพนี้อย่างหนึ่งก็คือ การไปร่วมประชุมMDRT (The Million Dollar Round Table) หรือ สมาคมสุดยอดฝีมือทางด้านการเงินนานาชาติ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเงิน เป็นการไปฟังวิศัยทัศน์ของผู้ทรงคุณวุฒิที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีรายได้เกินล้านเหรียญต่อปี……

“เมื่อทำงานประกันภัยใหม่ๆ เคยมีรุ่นพี่ที่สนิทกันมาซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ ตอนนั้นเขาขอให้มาเก็บเงินหลังจากโบนัสออก ทั้งๆ ที่เราเองก็รู้ว่าเขาสามารถรูดการ์ดได้ทันทีโดยไม่เดือดร้อนอะไรเลย แต่ด้วยความเกรงใจก็จะทำตามที่พี่สั่ง ปรากฏว่า ซึนามิ เข้าแล้วเขาก็เสียชีวิตไปกับเหตุการณ์นั้น มุกร้องไห้ไม่หยุดเลย จริงอยู่ในแง่การทำงานเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราทำตามคำสั่งลูกค้า แต่ในแง่ความรู้สึกส่วนตัว เราเสียใจอย่างหนักที่ทำไมไม่ทำให้บรรลุผลไปเลยตั้งแต่วันที่เราทำให้เขาได้ ทำไมเราไม่รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ทำไมไปมัวเกรงใจในเรื่องที่ไม่ควรชักช้า เวลามุกเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังทีไรก็จะร้องไห้ด้วยทุกที เพราะมันเป็นอุทาหรณ์ว่า ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน อย่าประมาทเด็ดขาด อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์อย่างเรื่องประกันภัยก็ต้องรีบทำทันที”…นี่คืออีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญที่ไม่อาจลืมเลือนของคุณมุก…….

คุณมุกเป็นคนรักความสวยความงาม ไม่เคยสระผมเองตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้คุ้นเคยกับธุรกิจด้านความงามอยู่แล้ว เมื่อมีคนมาเซ้งร้านให้ในราคาไม่สูงมากนัก ไปดูแล้วสวยถูกใจก็เอาทันที โทรไปปรึกษาผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครเห็นด้วย แต่เพราะเธอเป็นคนดื้อ ค้านยังไงก็จะเอาอยู่ดี เลยรับมาทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งช่าง ค่อยๆ ทำไป จัดระบบไป จนอยู่ได้และมีเพิ่มอีกสองร้าน รวมถึงร้านนวดด้วย ใช้ชื่อมุกซาลอน, อินเทรนด์ และ เบญจนวดแผนไทย ทั้งหมดนี้อยู่แถวย่านถนนนวลจันทร์

“ร้านเราไม่เหมือนใคร ทุกแห่งเป็นเหมือนบ้าน เน้นในเรื่องความสะอาด พนักงานตั้งใจ ทำดี บริการดี โดยเฉพาะการสระนวด ซึ่งที่อื่นอาจจะมีแค่สระ มุกจะฝึกช่างเอง แต่ก็ปล่อยให้เขาทำงานแทนเรา ไม่เข้าไปจู้จี้จุกจิก เพราะหากไม่ไว้ใจแล้วก็คงไม่มีใครทำอะไรแทนเราได้ ส่วนร้านนวดก็สร้างขึ้นมาจากร้านโล่งๆ ไม่มีอะไรเลย จนแล้วเสร็จภายในสี่วัน”…

“นโยบายสำคัญในการทำร้าน ทำธุรกิจของมุกก็คือ ขอแค่เลี้ยงตัวได้ ไม่ได้เน้นว่าจะต้องกำไรอะไรมากมาย ที่ทำร้านก็เหมือนกับการทำบุญไปด้วย เราได้เลี้ยงดูพนักงานทุกคน ยิ่งถ้าได้ไปสัมผัสชีวิตของพวกเขาแล้ว ชีวิตเราที่ว่ามีปัญหาหรือลำบากหนักหนา อาจจะไม่ได้เศษเสี้ยวของเขาเลยก็ได้ กลายเป็นว่า ถึงแม้จะไม่ได้ไปทำบุญอย่างคนอื่น ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาปัจจัยของเราไปทำอะไรบ้าง แต่เราเปิดร้านเพื่อเลี้ยงลูกน้อง ให้เขาได้อยู่ได้กิน ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะอยู่กับเราได้ทั้งหมด เราคัดเฉพาะคนดี ให้โอกาสทุกคนเสมอ ใครที่ปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับกฏ กติกา ที่เราตั้งไว้ ก็อยู่ด้วยกันได้ อย่างเช่น ร้านนวด ต้องโปร่งใส ไม่มีอะไรแอบแฝง มีเฉพาะนวดเพื่อผ่อนคลาย รักษาอาการปวดเมื่อยเท่านั้น ผิดกติกาเมื่อไหร่ จัดการทันที”…

อีกบทบาทหนึ่งของคุณมุกก็คือ การเป็นที่ปรึกษาทางด้านภาพลักษณ์ ซึ่งเธอจบ ACT มาโดยตรง

“ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะไปเรียน จนกระทั่งมีผู้ชักชวน เพราะบอกว่า สิ่งเหล่านี้เรามีในตัวอยู่แล้ว เพียงแค่ปรับนิดๆ หน่อยๆ ให้เข้ากับหลักวิชาการ เป็นหลักสูตรที่มีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็คุ้มค่ามาก สามารถนำมาใช้กับชีวิตได้เลย และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วย โดยเราแนะนำเขาได้ แต่เขาต้องยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ปรับเปลี่ยนไปกับเรา ตั้งแต่เรื่องการแต่งกาย การเดิน การพูด การวางตัวในสังคม”…

“มุกจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น มีปัญหาอะไรก็ต้องร้องไห้คนเดียว เพราะภาพลักษณ์เราคือผู้ให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ให้กับคนอื่น พอเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเรา ก็ไม่มีใครให้คำปรึกษาหรือความช่วยเหลือได้ นอกจากตัวเรา ต้องหาวิธีสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตัวเอง ช่วงหนักๆ ของชีวิตก็สวดมนต์ไหว้พระ ทำให้จิตใจสงบลง แล้วก็ยังมีสัตว์เลี้ยงที่คอยมาช่วยให้เราผ่อนคลาย”…

“ไม่ว่าคนอื่นจะให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือดีสักแค่ไหน แต่ถ้าหากตัวเองไม่ฮึดสู้ ไม่ตั้งใจฝันฝ่าอุปสรรคเอง ก็ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นปัญหานั้นไปได้ คนอื่นเป็นเพียงแค่ผู้ชี้ทาง ส่วนเราต้องเป็นผู้เดินไปหาทางออกนั้น ตรงกับคำที่พระท่านกล่าวไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่างแท้จริงเลยค่ะ”

0601 int_WW02

0601 int_WW03