จิตวิทยาการกีฬา

Faster, Higher, Stronger, – Together

Faster, Higher, Stronger, – Together

ในการประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee: IOC) เมื่อวันที่ 21-22 กรกฎาคม 2564 ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีมติที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับ Motto ใหม่ของการแข่งขันโอลิมปิค เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค โตเกียวเกมส์ 2020 และมวลมนุษยชาติทั้งโลก ที่ร่วมกันต่อสู้ไปพร้อมๆกันทั้งโลก โดยให้เพิ่มคำว่า Together ต่อจาก Motto เดิมว่า Faster, Higher, Stronger เพื่อสะท้อนและสร้างความเข้มแข็งของมนุษย์ในการต่อสู้ในการแข่งขันและนอกสนามแข่งขันไปด้วยกัน

เราเรียนรู้อะไรจากการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ของคณะกรรมการโอลิมปิคสากลนี้บ้าง สิ่งที่เราน่าจะได้สะท้อนจาก Motto นี้คือการที่เรายังคงหลักการของความเป็นเลิศของการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งที่จัดขึ้นทุก 4 ปี ใช้เงินมหาศาล มีคนเข้าร่วมมากมาย ทั้งนักกีฬา โค้ช คนดูและคนปฏิบัติงาน การเพิ่มคำว่า Together นับว่าเป็นความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมปฏิบัติที่มีมากว่า 126 ปี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1894) และการปรับตัวกับเหตุการณ์ปัจจุบันละการต่อสู้ทั้งในและนอกสนามอย่างกลมกลืน การคิดถึงการเพิ่มคำว่า Together ช่วงนี้จึงนับว่าเหมาะสมและสวยงาม

การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ยิ่งยืนยันหลักการที่แน่วหน้าของความสัมพันธ์ที่สวยงามของการแข่งขันกีฬากับชีวิตของมนุษย์ตามปรัชญาของโอลิมปิค

การเป็นนักกีฬาเพื่อการแข่งขันโอลิมปิคที่มีปรัชญาที่เน้นการมีส่วนร่วมมากกว่าผลแพ้ชนะ (แม้ว่าชัยชนะจากการแข่งขันจะมีความยิ่งใหญ่) แต่ต้องแข่งขันอย่างเต็มความสามารถเมื่ออยู่ในช่วงของการแข่งขัน ตั้งแต่การฝึกซ้อม การเตรียมความพร้อมเพื่อการแข่งขัน และระหว่างการแข่งขัน นับว่ามีความยิ่งใหญ่มาก คนที่เป็นนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิค มีคำเรียกที่น่าภูมิใจคือ Olympian

การเป็นนักกีฬาโอลิมปิค เป็นผู้ที่มีความพร้อมทั้งกาย ทักษะและจิตใจ และพร้อมที่จะแสดงความสามารถอย่างเต็มประสิทธิภาพ ความฝันของนักกีฬาทุกคนคือการได้มีส่วนร่วมหรือผ่านเกณฑ์การพิจารณาให้เข้าร่วมการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม แม้แนวทางการพัฒนาตัวเองให้ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาโอลิมปิคอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน แต่ทำไมบางคนถึงเป็นได้ บางคนไม่ได้เป็น คำตอบคือวิธีการหรือเส้นทางที่ต่างกัน ดังนั้นในเมื่อเราต้องการเป็นนักกีฬาโอลิมปิค หลักการที่ว่านักกีฬาโอลิมปิคเขาทำกันคืออะไร และที่สำคัญคือ เราทุกคนเป็นนักกีฬาโอลิมปิคได้ไหม และเมื่อไหร่

ลักษณะของนักกีฬาโอลิมปิค ที่ถ้าท่านทำได้ ท่านก็เป็นได้ และถ้าท่านเป็นได้ตามนั้นตอนนี้ ท่านก็เป็นนักกีฬาโอลิมปิคได้ตั้งแต่ตอนนี้ อีกคำพูดหนึ่งก็คือ เราต้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิคตั้งแต่วันนี้และจนถึงเป็นจริงๆ นักกีฬาโอลิมมีลักษณะอย่างไร

  1. มีร่างกายที่แข็งแรง (กระดูก กล้ามเนื้อ หัวใจ ปอดและอวัยวะในร่างกาย) ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง บริโภคอาหารที่ถูกต้อง เหมาะสม การพักผ่อนที่เพียงพอ การฝึกกล้ามเนื้อด้วยแรงต้าน รวมทั้งระดับของความหนักในการฝึกที่ไม่มากจนร่างกายบาดเจ็บ
  2. มีทักษะในกีฬาที่เล่นอย่างเต็มที่ ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา โดยไม่ย่อท้อแม้จะมีความยุ่งยากและหนัก และ
  3. มีจิตใจที่พร้อม ที่แข็งแกร่ง ทั้งในระหว่างฝึกซ้อมและแข่งขัน การมีทัศนคติที่ดี มีความอยาก มีความกระตือรือร้นในการฝึกกาย ทักษะกีฬาและจิตใจ มีความแข็งแกร่งของจิตใจในการฝึกซ้อมหนัก การรักษาระเบียบวินัย ในการฝึกซ้อมและแข่งขัน เข้าใจหลักการของโอลิมปิค มีเหตุผลและความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ในทางบวก

สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถ้านักกีฬาสามารถทำได้ ก็เท่ากับว่าเป็นนักกีฬาโอลิมปิคแล้ว ถ้าท่านไม่สามารถ

รักษาหลักการนี้หรือหลุดออกไปจากหลักการนี้ เท่ากับเราหลุดออกจากการเป็นนักกีฬาโอลิมปิค การจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิคจริงๆคือการต้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิคทุกวัน และนั่นคือเหตุผลที่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิคได้ เพราะการรักษาสภาพและอยู่ในกฏกติกาที่หนัก จริงจังและมีระเบียบวินัยทั้งกาย ทักษะและใจอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาของนักกีฬาโอลิมปิค คือตัวทดสอบความเป็นนักกีฬาโอลิมปิคที่นักกีฬาต้องมีทุกวัน

ผศ. ดร. นฤพนธ์ วงศ์จตุรภัทร
คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา
นายกสมาคมจิตวิทยาการกีฬาประยุกต์แห่งประเทศไทย