ถ้าผมเป็น ศิลปิน ผมจะรวยหรือไส้แห้ง
ถ้าผมเป็น ศิลปิน ผมจะรวยหรือไส้แห้ง
“ศิลปิน” ในความคิดผม ผมคิดว่าสร้างกันไม่ได้แต่ส่งเสริมได้ ขอแชร์ประสพการณ์ เริ่มตั้งแต่วัยเด็กของผม จนถึงรุ่นลูกผมซึ่งตอนนี้ อายุ 3ขวบ กับ 5 ขวบครับ เรื่องความอาร์ท นั้นขอบอกว่าผมได้มาจาก คุณแม่ครับ เพราะ ท่าน ร้องเพลงตรงจังหวะ ตรงคีย์ โดยธรรมชาติ การวาดภาพ การจินตนาการนั้น คุณแม่ผมนั้นทำได้ดีมากโดยไม่ต้องเรียน ส่งมาถึงรุ่นผม ก็ต้องขอถ่อมตัวไว้ว่าพอจะไปวัดไปวาได้ โดยไม่ต้องเรียนมากนัก ได้มาอย่างน้อยที่สุดคือความชอบ ศิลปะ ซึ่งเรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้ ผมขอพูดง่ายๆว่า “ศิลปิน” น่าจะสืบทอดได้ทางพันธุกรรม คือสืบทอดมาแน่ๆ แต่จะเก่งไหม จะโดนใจผู้บริโภคไหมนั่นเป็นอีกเรื่องนึง
ผมเป็นคนชอบ ดนตรีแจ๊ส และเล่นดนตรีแจ๊ส ชอบมาตั้งแต่เด็กๆแต่สมัยนั้นหาเทป หา CD ฟังยากมาก ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าดนตรีที่ชอบฟังอยู่มันคือแนวอะไร รู้แต่ว่าชอบ จนโตมาถึงยุค internet radio จึงได้แยกแนวเพลงออก เนื่องจาก ทาง website เค้าแยกประเภทเพลงไว้อย่างละเอียด เฉพาะ jazz ก็มีกว่า 10 ชนิดแล้ว ทำให้สามารถเลือกแนวที่ชอบได้ และเพลงในโลกนี้ มันช่างมีมากมายเหลือเกิน internet radio นี่มันช่วยเปิดโลก การฟังเพลงจริงๆครับบางช่อง เสียค่าบริการ ปีละไม่ถึง 1 พันบาทแต่ฟังเพลงได้เป็น แสนเพลงและมีทุกแนว เทียบกับ การซื้อ CD สมัยก่อนแล้ว สมัยนี้ค่าใช้จ่ายในการฟังเพลง ถูกมากๆครับ
ที่เล่าถึง internet radio นั้นก็เพราะผมใช้มันในการทดสอบความชอบในดนตรีของลูกๆผม โดยการเปิดเพลงให้ฟังและ เปลี่ยนแนวเพลงไปเรื่อยๆ แล้วคอยถามว่าชอบไหม ความจริงอยากให้ลูกชอบเพลง Jazz แต่ลูกไม่ชอบ ปรากฏว่าลูกชายชอบเพลง ร็อคเร็วๆแรงๆ (ว่าจะให้ฟังดนตรีให้ใจเย็นลงหน่อย สงสัยจะตรงกันข้าม กัน) ที่น่าเป็นห่วงคือ พอเพลง “บัวลอย” ของลุง แอ๊ด คาราบาวมาจะนี่ชอบเป็นพิเศษ คือเพลง ลุงแอ๊ดนั้นใครฟังก็ต้องชอบครับ แต่เพลง บัวลอย นี่เห็นว่าเล่นในคอนเสิร์ททีไรวัยรุ่น ตีกันทุกที
เรื่องของความชอบ บังคับกันไม่ได้ โชคดีที่ลูกๆ ผมก็ชอบเสียงเพลง และร้องเพลงตรงคีย์ สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณย่า และ มีอีก ความสามารถนึงที่ส่งต่อกันมา คือการเล่นดนตรีโดยไม่อ่านโน๊ต ซึ่งตอนเด็กๆ คุณแม่ผมมายืนฟัง ก็งงว่าไม่อ่านโน๊ตแล้วเล่นได้ยังไง ผมก็ไม่รู้ว่าทำได้ยังไง แต่มันทำได้เอง คุณแม่ผมเรียกว่า “มั่วเป็นเพลง” แต่ความสามารถในการมั่วนี้ ถ้าเก่งแบบศิลปินดัง น่า จะเรียก ad-lib หรือ improvise ซึ่งนักดนตรีเก่งๆสามารถ สร้างท่อนโซโล่สุดประทับใจ ระหว่างการแสดงสดได้ทุกครั้ง ส่วนผมทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่จะโดนโห่ ดังนั้นความสามารถนี้ ขอเรียกว่า “มั่วเป็นเพลง” ตามที่คุณแม่ผมเรียก และความสามารถนี้ได้ส่งต่อไปถึงรุ่นลูกผม เพราะ ลูกชายผมอายุ 6 ขวบ เริ่มจะร้องเพลงมั่วๆใส่เนื้อเพลงเอง ดำน้ำไปเรื่อยเพราะจำเนื้อไม่ได้ จึงแต่งเพลงใหม่ ซะเลย
ศิลปินที่ประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องมีความสามารถแล้ว เรื่อง อารมณ์ ศิลปิน นั้นต้องเรียกใช้ได้ตลอดเวลา สำหรับผม บางครั้งก็เล่นดนตรีได้ ติดต่อกัน 5 ชั่วโมง แต่บางครั้ง หมดเบียร์ไปหลายขวดแล้ว อารมณ์เล่นดนตรีก็ยังไม่มา ผมยังทึ่งในนักร้องนักดนตรีที่เล่นตามผับทุกวันแต่ เวลาเล่น เค้าจะอินไปกับเพลง อย่างกับ ออกคอนเสิร์ท ทุกครั้ง และนี่แหละที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง นักดนตรี กับศิลปิน ขอยกตัวอย่าง idol ผมอีกท่านที่มีโอกาสได้เจอ ตัวจริง ซึ่งน่าจะเป็นศิลปินที่ความสามารถเกิน ระดับประเทศไปแล้ว คือ พี่โก้ Mr sax man เนื่องจากผมเริ่มเล่น saxophone เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และไปซื้อ saxophone ที่ร้าน พี่โก้ (saxociety) ปรากฎว่าพี่โก้เดินเข้ามาในร้านพอดีเห็นผมกำลังจะซื้อ sax ตัวนั้นก็เลย ขอผมลอง (พี่โก้ เป็นคน อัธยาศัย ดีมากๆ) น่าจะเพื่อเป็นการเช็คคุณภาพด้วย เพราะ saxophone นั้นสร้างด้วยมือทุกตัว ผมก็ยินดีให้ลองสิครับ ไม่ต้องขอก็ได้ ปรากฏว่าฟังพี่โก้ลอง sax อยู่สักพัก เพลินจริงๆ แต่ ที่งงคือ พี่โก้เพลินกว่า คือพี่โก้นี่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านแบบเหงื่อยังเปียกหลังอยู่เลย จับ sax ขึ้นมาเป่าปุ๊บ พี่โก้สามารถอินเข้าไปในเพลงได้เลย แบบเปิดปุ๊บติดปั๊บ นี่ละครับศิลปินตัวจริง สำเนียง sax ของพี่โก้นั้นก็คือการ improvise หรือการแต่งทำนองขึ้นมาสดๆ แต่มันกลายเป็นสำเนียงที่รื่นหูและมีอยู่ในเพลงไทยน่าจะเป็น ร้อยเพลงได้ ความจริงผมก็มีทุกอย่างที่พี่โก้มีนะครับ แต่ level มันต่างกันมาก 555 ผมคิดว่าสุดยอด ศิลปินนั้น passion ต้องมาก่อนเลย คือ สามารถเล่นดนตรีได้ทั้งวันโดยยังสนุกกับมันอยู่ และแนวดนตรีที่เล่นโดนใจคนส่วนใหญ่ก็จะดีมาก สำหรับผมแล้วเท่าที่สังเกตุดนตรีที่ ผมเล่นและเพลงที่แต่งน่าจะโดนใจตัวเองเป็นหลักดังนั้น คงไม่ รุ่งแน่นอนการเป็นศิลปิน (ไม่นับเรื่องความสามารถไม่ถึง) แต่แค่ได้เล่นดนตรีแล้วมีความสุขก็ถือว่าโชคดีมากๆแล้ว ต้องขอบคุณอารมณ์ศิลปินที่ส่งต่อกันมาทางพันธุกรรมครับ
โอ้ต อัคนิษฐ พีชผล