อมยิ้มริมกรีน

อาชญากร ที่ฆ่าพ่อแม่ ตายทั้งเป็น

อ่านคลิปเป็นข่าว ลูกสาวนักการเมืองภาคใต้คนหนึ่ง  อยู่บ้านแต่เด็กน้อยจนโต จบ ม.ต้น พ่อส่งเข้าเรียนกรุงเทพฯ  ประสาพ่อบ้านนอกพอมีเงินที่รักลูก ต้องการให้ลูกเป็น “ คนกรุง”  เข้าโรงเรียนสตรีมีชื่อชั้นนำ พ่อให้ความสะดวกสบายมากมายต่อลูกสาว ซื้อคอนโดฯที่พักในกรุงเทพฯให้

เธอโพสต์เล่าเรื่องเองว่า แค่2ปีที่อยู่ห่างพ่อ ห่างสิ่งแวดล้อมเดิมๆ  เธอเปลี่ยนไป จาก 13-14 ปีที่เป็น “ลูกพ่อ” เธออ่านเน็ต ตามไอดอล  ชูอุดมการณ์ชูสามนิ้ว

แรกๆ ก็แค่สนใจอยากรู้ ต่อมาก็ไหลตาม แล้วไหลเร็วมากตามเพื่อน เนื่องจาก ตัวเองมี “ปม”  เป็นพวกสลิ่ม เพราะเป็นลูกนักการเมือง พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรครัฐบาล

เธอบอกว่า  เพิ่งเห็นโลกใหม่โลกกว้าง  enlighten รู้แจ้งโดนพลัน ว่า เธอไม่ใช่สมบัติของโลกใบเก่าอีกแล้ว เธอขอยึดมั่นอุดมการณ์ ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ไม่เอาสถาบัน

มีความสุข โล่งใจ ที่แจ้งว่า ตัวเองเป็นอิสระ เป็นไท หลุดจากบ่วงสลิ่ม ที่เพื่อนๆ ด่าแล้ว

กับพ่อนั้น เธอมีคอมเมนต์ว่า  พ่อแม่เป็นคนทำให้ลูกเกิด จึงมีหน้าที่เลี้ยงดู  แต่ถ้าพ่อไม่เลี้ยง ก็ค่อยว่ากันต่อไปกับชีวิตของตัวเอง

พ่อนักการเมืองใต้ ให้สัมภาษณ์ว่า..ก็แล้วแต่ลูก ไม่ห้าม แต่ย่าจะฝากมาด่า ย่าโกรธมาก กลายเป็นพ่อ ที่อยู่ตรงกลาง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ลูกก็ยังเริงร่า เฮ้วๆ

หัวอกพ่อนะครับ เจอลูกยืนกรานอย่างนี้ เลือกข้าง “เอาสามนิ้ว ไม่เอาพ่อ”  ไม่มีพ่อคนไหน ไม่เจ็บปวด ร้าวใจ ก็ต้องกัดฟัน กลืนเลือดละครับ

ไอ้ที่น่าเศร้า ก็คือ วลี..พ่อแม่เสพกามารมณ์ จึงเกิดลูก พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยง เพราะทำให้เกิด อย่าอ้างความรัก กตัญญู ทวงเอาจากลูก ชีวิตใครชีวิตมัน..น่ะ มันเป็น “สูตรสำเร็จ” ใช้ “ล้างสมองเด็ก” ยามเมื่อจะเอาเด็กมาเป็นทัพหน้า เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

สายใยใดๆ ที่โยงความรักของพ่อแม่ ถูกล้างสมองมองเห็นเป็น สายรยางค์ มัพเพ็ต ตุ๊กตาเชิดของพ่อแม่ อันต้องสะบั้น ให้สิ้น เพื่อ ความเป็นไท เป็นเสรีชน ความฮึกเหิมยิ่งใหญ่ของเด็กเยาวชน ที่จะก้าวพ้นจากสิ่งล้าสมัยโลกใบเดิม

สูตรสำเร็จ นี้ ทำกับมาหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์โลก  อาณาจักรไรซ์ที่3ของฮิตเลอร์ ยัน สี่ทรราชย์ ปฏิวัติวัฒนธรรมจีน จนถึง เขมรแดง เขียว สัมพัน ต่างล้วน “ใช้เด็ก” เป็นอาวุธทั้งสิ้น

เมื่อสี่ห้าปีก่อน ผมไปเที่ยวพนมเปญ /กัมพูชา ไปเยือน คุกตวล สเลง S21     อดีตอันแสนโหดร้ายของชาวเขมร ไกด์เป็นหญิงวัยเกือบกลางคน พูดภาษาไทยได้ดี เพราะได้ทุนเรียนที่สถาบันราชภัฏฯ

เธอขอรอที่รถ ไม่เข้าไปในสเลงตวน ด้วยเธอมีอดีตที่นั่น

เธอเป็นหนึ่งในเยาวชนเขมรแดง ที่ทำงานในค่ายนี้ เธอมีส่วนฆ่าพ่อเพื่อน และเพื่อนก็มีส่วนฆ่าพ่อแม่เธอ ในยุคนั้น

เธอก็ยิ้ม หัวเราะนะครับ แต่สายตาเธอแห้งผาก อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ผมว่านั่นมาจากรอยบาดแผลลึกในหัวใจ ที่ไม่มีวันหายไปจนกว่าจะตาย 

มันน่าเศร้าก็ตรงที่..ไม่มีสักครั้งที่ ผลพวงเป็น ฟ้าสีทองผ่องอำไพ..ทุกครั้งมีแต่ความฉิบหายพังภินท์ ขมขื่นกันทั้งชาติ

เด็กไทย กำลังเป็นรายล่าสุด ที่ถูกใช้เป็นอาวุธเช่นนี้

ผมเห็นใจ พ่อแม่ บุพการี ในวัยที่มีลูกกำลังเรียนหนังสือในโรงเรียน ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมปลาย จริงๆ ที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าจะทำตัวอย่างไรดี ในภาวะที่  “ลูกไปเป็นอื่น” ออกจากบ้าน เข้าโรงเรียน ก็หายใจเป็นกิจกรรม ร่วมแสดงพลังขับไล่เผด็จการ ไล่รัฐบาลลุงตู่

โดยเฉพาะ ประเด็น ล้มเจ้า ไม่เอาสถาบัน

พ่อแม่ ทุกบ้านแหละครับ ที่ สะท้านใจ เจ็บปวด ตรงที่  “ลูกฟังคนอื่น” ไม่ฟังพ่อแม่ เลิกเคารพครูที่โรงเรียน (ถ้าครูไม่สนับสนุนการแสดงออกซึ่งสิทธิประชาธิปไตยของเยาวชน ชูสามนิ้ว ขับไล่รัฐบาลเผด็จการ)

ในมุมของพ่อแม่ เหมือนอยู่ดีๆก็ “สูญเสียลูกตัวเอง”  ให้ใครก็ไม่รู้

ที่ลูกบอกว่า เป็น ไอดอล ไอดีล เป็นพี่ บล็อกเกอร์ อยู่ในเน็ต ที่”แนะแนว” ว่า โลกใหม่ประชาธิปไตย ต้องสร้างเอง ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มา อย่าเชื่อพ่อแม่ มากกว่าเชื่อตัวตนที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน

ถ้าพ่อแม่ สอนให้กตัญญู สอนให้รัก ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นผิดแล้ว นั่นโลกเก่า โลกใหม่คือประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิทัดเทียมกับหมด ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ฟ้าถึงสีทองผ่องอำไพ

เด็กไม่น้อยที่ เหมือนเจอศาสดา เจอสิ่งใหม่ ที่ตัวเองสามารถมีความสำคัญ เปลี่ยนแปลงประเทศได้ สร้างโลกใหม่ได้ ไม่เอาแล้ว อดีตเบื้องหลัง เรื่องใหม่ วิถีใหม่เร้าใจกว่าเยอะ ทะยานไปไกล..จนลืมพ่อแม่

กำลังนี้ ไอดอลนอกบ้าน มันเดินหมากอีกหนึ่งก้าว ให้พ่อแม่ยอมจำนนต่อลูก ด้วยคำถามของลูกที่คาดคั้นเอากับพ่อแม่… ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับ ลูก พ่อแม่เลือกใคร?

พ่อบอกว่า ชีวิตได้ดี มีเงินเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงลูกก็เพราะ รับราชการ เป็นข้าแผ่นดิน ชีวิตจึงจำเป็นต้องเลือกสถาบันกษัตริย์ 

ลูกโต้ว่า บอกว่า..พ่อพูดผิด กษัตริย์ไม่ได้ให้เงินเดือนพ่อ ภาษีประชาชนต่างหาก พี่ในเน็ตเขาบอกว่า ถ้าพ่อแม่ให้กตัญญูก็สอนผิดแล้ว  

เมื่อพ่อเลือกสถาบัน ไม่เลือกลูกและประชาชน..เราก็อยู่กันคนละโลก เมื่อถึงเวลาเหมาะ ลูกก็จะหาโลกใหม่ที่ใฝ่หา ไปเอง

สถาบันกษัตริย์ ยังคงอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น แต่ ที่จะย่อยยับไปก่อน คือ สถาบันครอบครัว

อาจจะสาหัสกว่าฮ่องกง เพราะวิกฤติสถาบันครอบครัวฮ่องกง ลูกมันโตๆเด็กมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ ลูกเจี๊ยบยันเด็กมัธยมอย่างบ้านเรา

ผมยังยืนยัน..พวกกลุ่มคนที่ใช้ “เด็กเป็นอาวุธ” สะบั้นรอนสถาบันครอบครัว..ไร้สามัญสำนึก ไร้คุณธรรม

เป็นอาชญากร..เพราะฆ่าพ่อแม่ ตายทั้งเป็น!

ยอดทอง