ทิศทางของการเงินของชาติ
ความที่บ้านเราเมืองเรามีความหลากหลายทางธรรมชาติ ประกอบกับมีวัฒนธรรมที่งดงามตามพื้นถิ่น…ดังนั้นมันคงไม่มีความแปลกประหลาดอะไรที่เราจะมีรายได้ของประเทศอยู่กับ “การท่องเที่ยว”เป็นหลักใหญ่ แต่เราลืมคิดไปนิดนึงว่าเงินที่เราได้จากการท่องเที่ยวนั่น หลักๆมาจากภายนอกประเทศ หรือนักท่องเที่ยวทั่วโลกนั่นแหละ เราเคยมีนักท่องเที่ยวปีหนึ่งๆ เกือบๆ จะถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้คนของประเทศ ส่วนจะลดหายไปบ้างก็อาจจะมาจากความเปราะบางที่มาจากความรู้สึกเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น การมีข่าวของนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตที่ผิดไปจากธรรมชาติ จะด้วยอะไรก็ช่างเรื่องแบบนี้มันก็มีอยู่นะแต่ว่าพักหนึ่งก็เข้าสู่โหมดเดิม คือ “เราเอาอยู่หมด” จากความอารีอารอบของคนในชาติ นักท่องเที่ยวเชื่อใจในบ้านเมืองเราเสมอ
แต่พอคราวนี้กว่าปีที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดจากล้านๆ กลายเป็นศูนย์ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แล้วดูท่าว่าจะอยู่กันนานอีกด้วยกับสภาวะเช่นนี้ แล้วคำพูดที่ว่า “เมืองไทยเมืองยิ้ม” มันจะอยู่กันอย่างไร…จากที่อยู่ในแวดวงกีฬามานานมากกว่าครึ่งชีวิต โดยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับวิกฤติต่างๆ มาก็มาก บอกตรงๆ นะคราวนี้ลำบากยากเข็ญเอาจริงๆ โดยเฉพาะกีฬาที่เคยเป็นแหล่งทำเงินที่เป็นเนื้อเป็นหนังเมื่อถึงฤดูกาลก็ต้องยกให้ “กอล์ฟ” เพราะถึงฤดูกาลที่สนามจะได้เงินเข้ามาบำรุงทุกอย่างที่ประกอบเป็นสนามก็ราวๆ 3- 5 เดือนต่อปี นั่นคือปลายปียันพฤษภาคม หากสนามไหนมีทัวร์ลงก็สบายไปทั้งปี…แต่นี่ปลายปีแล้วด้วยพิษของ COVID-19 ที่ระบาดจากเอเชียเข้ายุโรปไปอเมริกา…ตลาดคนเอเชียของเราเป็น “ศูนย์” ในบัดดล อะไรที่เคยได้กลับสงัดเงียบแล้วดูท่าจะลากยาวไปปลายปีนี้เอาด้วย นั่นย่อมหมายถึงต้นปีหน้าด้วยนะครับ…มันก็คงเป็นความลำบากยากเข็ญสามช่วงทำเงินทำทองกันเลยก็ว่าได้
เอ้าแล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไรกันดี…เรามีทางเลือกทางเดียวคือ “ไทยเที่ยวไทย” หรือ “ททท.” มันจะต้องมีหนทางที่จะทำให้วงล้อทางธุรกิจของชาติได้เริ่มเคลื่อนไหวกันอีกคราหลังจากนิ่งมานาน หากจะมองเป็นความทุกข์เข็ญมันก็สมควรมองได้แบบไม่ต้องพึ่งพาเอาข้อมูลจากสิ่งใดก็เฉพาะสิ่งที่เกิดและเห็นอยู่มันก็ครบองค์แล้วครับ…แต่หากเราเอาแต่โทษดินหรืออะไรก็ช่างก็เตรียมตัว “ตาย”กันได้เลยขอบอก ควรคิดใหม่ครับว่า “เราควรมีการอุบัติใหม่” ของกีฬาที่จะเข้ามาเติมเต็มต่อคนไทยเราแทนที่จะดูแต่ของต่างชาติมันน่าจะมาได้แล้วตอนนี้
หากยังนอนจมอยู่กับทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่คิดไม่ทำอะไรให้วงการกีฬาตื่นตัวมันก็จอดสนิทนิ่งชัวร์ ลองหยิบปากกากับกระดาษมาขีดเขียนดูทีรึเราอาจได้อะไรน่าสนใจกว่าที่คิด เพราะเวลานี้เรามีที่ว่างของเวลาในการที่จะแทรกตัวเข้ามาในวงการได้ง่ายขึ้น เชื่อครูไก่เถิด “อย่ามัวแต่งอมืองอเท้า” ออกมากล้าคิดกล้าทำเสียตอนนี้พอเข้าปลายปีมันจะออกดอกออกผลพอดี
ครูไก่