สนามกอล์ฟกับการเมืองการปกครอง
สนามกอล์ฟกับการเมืองการปกครอง
สนามกอล์ฟ ของเรากับ การเมืองการปกครอง ปกติจะไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ ที่ผ่านมาหากมีผลกระทบ อย่างมากก็แค่เรื่องเศรษฐกิจ ที่เป็นผลทางอ้อมมาจาก นโยบายของรัฐบาลในแต่ละยุค หรือเศรษฐกิจ ไม่ดีก็จะมีผลกระทบต่อจำนวนนักกอล์ฟบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก จะมีผลมากหน่อย ก็ช่วงยิงระเบิดใส่กัน ม๊อบต่างสี สลับกันปิดกรุงเทพฯ คนมันก็ไม่อยากจะไปเที่ยวไป ทำอะไรกัน หนักที่สุดที่มีผลกับจำนวน นักกอล์ฟ ก็ม๊อบปิดสนามบิน แต่ถึงกระนั้นก็เป็นช่วงสั้นๆ เพราะลูกค้าก็ยังพยายามบินไปลงสนามบิน อื่นๆที่ไม่โดนปิดจนบางครั้งก็ ต้องขอคาระวะหัวใจนักกอล์ฟชาวต่างชาติที่ มีความพยายามอย่างสูงในการมาตีกอล์ฟและท่องเที่ยวในบ้านเราแม้จะมีเหตุการไม่สงบ ทุกวันนี้เหตุการ์ณสงบดีไม่มีม็อบ เศรษฐกิจแม้ไม่ดี แต่ประเทศไทยก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่คนว่างงานน้อยมาก แม้รายได้ไม่สูงแต่ โอกาส อดตายยากถ้าไม่ใช้เงินเกินตัว ผมสังเกตุเองง่ายๆจากการที่ผมหาพี่เลี้ยงเด็กยากมากและเงินเดือนสูงมาก คนงานลูกจ้างที่ สนามกอล์ฟ ก็หายาก นายจ้างต้องเป็นฝ่ายง้อลูกจ้าง หากใครไม่อยากเป็นลูกจ้างก็ทำมาค้าขายอาหารหน้า เซเว่น ขายลูกชิ้นปิ้ง รายได้พอๆหรืออาจจะมากกว่า ทำงานออฟฟิต ประเทศไทยจึงยังถูกจัดให้เป็นประเทศน่าอยู่ในอันดับต้นๆของโลก
ผลกระทบจากการเมืองการปกครองต่อสนามกอล์ฟ แบบทางตรงเริ่มเห็นก็จะเป็นในยุค คสช. นี่ล่ะครับ โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับ ป่าไม้ และที่ดินสาธารณะ สนามกอล์ฟจะถูกเพ่งเล็งเสมอ โดยเฉพาะสนามที่อยู่ใกล้แนวเขตอุทยานฯ ตั้งแต่ คสช. เข้ามาก็มีคณะแวะเวียน มาตรวจสอบบ่อยขึ้นและไม่ใช่แค่สนามผมเท่านั้น คุยกับหลายๆสนามก็ถูกตรวจสอบเข้มข้นเหมือนกัน
แนวเขตอุทยานฯ เป็นเรื่องที่หลายคนห่วงแต่โชคดีที่แนวเขตที่ดินเรามีทางหลวงชนบทขั้น จึงชัดเจนมาก ว่าไม่มีปัญหาเรื่องแนวเขตอุทยานฯ อีกทั้งมีหน่วย อุทยานแห่งชาติฯ และ หน่วยป้องกันรักษาป่าอยู่ขนาบข้างโครงการทั้งทางทิศ ตะวันตก และทิศตะวันออก หากมีปัญหาคงไม่รอดมาถึงทุกวันนี้
เรื่องที่สาธารณะกลับกลายเป็นเรื่อง น่าปวดหัวมากกว่า เนื่องจากเกี่ยวข้องกับชุมชนด้วย ช่วงที่ผ่านมาก็จะมีแวะเวียนกันเข้ามา ทักท้วงกัน หลายเรื่องเหมือนกัน ทางเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เรียกรังวัดกันไปตามเอกสาร เพื่อให้ชัดเจนกันไปเนื่องจาก สภาพที่ดินนั้น เป็นทุ่งนา บางแปลงก็ทำไร่ ซึ่งต้องใช้รถไถปรับดินทุกปี หมุดที่ดินจึงหาไม่เจอ แต่ของโครงการเรานั้นมีหมุดชัดเจนสามารถดึงระยะไปเพื่อหาข้อยุติได้ว่าใครผิดใครถูก ความจริงผมไม่มีปัญหากับนโยบายของ คสช. ในเรื่องนี้เลยกลับชอบด้วยซ้ำเพราะเรามั่นใจว่าเราทำถูก การเข้ามาตรวจก็จะทำให้สบายใจกันทุกฝ่าย ลบล้างข่าวลือกันไปว่าเราล้ำที่สาธารณะ เพราะถ้ามันไม่ชัดเจน มันก็จะกลายมาเป็นอาวุธให้คนไม่ดีนำมาใช้ข่มขู่เราได้ อย่างกรณีล่าสุดที่ มาทักท้วงเราเรื่องทางสาธารณะแคบ โดยยกพวกกันมาเยอะๆอ้างว่าเป็นชาวบ้าน โชคดีที่ผมอยู่กับชาวบ้าน ทำนากับชาวบ้าน รู้จักคนอาจจะไม่ทั้งตำบล แต่ก็อย่างน้อย ตำบลละคน เคยนั่งกินเหล้ากับชาวบ้าน จึงทำให้รู้ว่าชาวบ้านตัวจริงคือใครบ้าง แต่คนกลุ่มนี้กลับอ้างชื่อชาวบ้าน โดยใช้อำนาจที่มี ขู่ให้เราแบ่งที่ให้ถนนใหญ่ขึ้น โดยไม่มีการ รังวัดที่ดินก่อน อ้างว่าเราล้ำหากไม่แบ่งที่ให้ก็ จะทำหนังสือไปถึง คสช. ว่าเราล้ำทางสาธารณะ ได้ยินอย่างนั้น เราจึงจัดให้ทันที โดยเราเป็นฝ่ายไปเชิญ ทางทหารและฝ่ายปกครองที่ดูแลพื้นที่ มาเป็นคนกลาง และขอให้ยื่นรังวัดพิสูจน์กันไปเลยว่าล้ำหรือไม่ เพราะหากผมยอมแบ่งที่ให้ไปก็เท่ากับยอมรับว่าเราเป็นฝ่ายล้ำ และข้อหานายทุนชอบฮุบที่สาธารณะก็จะติดกับเราต่อไป แถมคำกล่าวอ้างนั้นยังยึดตามนิ้วกายสิทธิ์ ติด GPS สามารถหยั่งรู้ได้ว่าแนวเขตอยู่ตรงไหนโดยไมพึ่ง เครื่องมือและเจ้าหน้าที่ที่ดิน เราจึงเชิญพยานมาให้เยอะที่สุดเพื่อมาดูกันว่ามีอะไรอยู่ใต้พรม คือเปิดดูให้ชัดเจนกันไปเลยว่าล้ำหรือไม่ ให้หลักฐานที่ดินเป็นตัวตัดสินไม่เช่นนั้นแนวชายแดนคงรบกันไม่จบไม่สิ้น ผลพลอยได้อีกอย่างคือ ชาวบ้าน (ตัวจริง) จะได้รู้ว่าถนนเส้นที่จะขยายนี้จะทำให้ชาวบ้านหรือทำเข้าที่ใครกันแน่
เขียนถึงเรื่องพวกนี้แล้วหงุดหงิดครับ ไม่ได้หงุดหงิดนโยบายนะครับ แต่ หงุดหงิดพวกที่นำไปใช้ในทางที่ผิดครับ คนแบบนี้ในบ้านเมืองเรายังมีอยู่เยอะมาก วันนี้จะไปทำเรื่องแบ่งแยกรังวัด และโอนที่ดิน(ส่วนตัว)ในกรุงเทพฯ ยังโดนเรียกค่าลัดคิว ค่าอำนวยความสะดวกแบบ ต้องหันหลังกลับบ้านเลย ต่อคิวเอาก็ได้ ผมไม่ได้ร้องขอด้วยซ้ำ จนท คงเห็นเราเหมือนรีบร้อนมากอยากให้ทันก่อนสิ้นเดือนเมษายน นี้ ค่าโอนจะได้ไม่แพง
ไม่รู้ด้วยความขี้เหนียว หรือว่าคุณธรรมมากเกินไป ผมเป็นคนไม่ชอบการจ่าย ใต้โต๊ะ รู้สึกมันเหมือนถูกขูดรีดกันชัดๆ เพราะถ้าไม่จ่ายก็จะถูกดึงเรื่องไม่ทำให้บางครั้งก็วางแฟ้มไว้หลังโต๊ะไม่หยิบขึ้นมา จะว่าเอกชนจ่าย จนท. จนเคยตัวก็ไม่น่าถูกซะทีเดียว ปกติแล้วใครมันจะอยากเสียเงิน ยุคนี้เริ่มมีความหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะดีขึ้น แม้จะยาก แต่ก็เริ่มเห็นความตั้งใจของ คสช.กับความ เด็ดขาดในหลายๆเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ แต่ก็ยังให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถึงแม้ตัวผมจะเดือดร้อนจากนโยบาย เหล่านี้แต่ก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่ นักธุรกิจและประชาชนต้องเปลี่ยนตัวเองด้วย ความหวังของผมตอนนี้คือ ใครสักคนที่จะเปลี่ยน ระบบเก่าๆที่ไม่ดีที่ทำกันมาจนเคยชิน แมวสีอะไรก็ได้ที่จับหนูได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเขียว แต่ตอนนี้สีเขียวอยู่ใกล้สุด ก็ต้องฝากทุกคนช่วยกันลุ้นและตัดสินใจว่า แมวตัวนี้ดีจริงไหม เชิญท่านลองเข้าไปพิจารณาดูร่างรัฐธรรมนูญ ที่ http://www.parliament.go.th/ มีแบบสรุปด้วย ผมก็ยังอ่านไม่ครบถ้วนนะครับ เลยเชียร์แบบเผื่อใจไว้เหมือนกัน ครับ
โอ้ต อัคนิษฐ พีชผล