คอลัมน์ในอดีต

ตอนที่ 11 ความรัก คือ เวลา (2)

หลังจากที่ยายพริ้ม กำหนดรู้และจากโลกนี้ไปแล้วอย่างสงบซึ่งไม่มีวี่แววของคนที่หมดลมหายใจ
เพียงเห็นเหมือนคนชรานอนหลับเท่านั้น
พบ…แพ…พร้อมกันพนมมือก้มกราบลงบนอกของหญิงชราเป็นครั้งสุดท้าย…

“แพ” พบเอ่ยขึ้น
“เรารีบนำกระทงที่ส่องจันทร์ทั้งคืนไปลอยให้ยายกันเถอะ รวมพลังเพื่อส่งยายขึ้น

สวรรค์ชั้นพรหมเลย ยายจะได้มาปกป้องคุ้มครองพวกเรา”

แพ…พยักหน้ารับทั้ง ๆ ที่น้ำตานองหน้า จับมือพบพากันเดินไปยังริมฝั่งโขง โดยที่แพ

ไม่ลืมพวงมาลัยคู่ที่จะเบิกทางน้ำ เพื่อเปิดทางให้ท่านปู่-ท่านย่า
ในคืนเดือนเพ็ญตามที่ยายเคยสอนไว้ว่าก่อนจะทำสิ่งใดในแม่น้ำให้เบิกทางน้ำเสียก่อน
พบ…จุดธูปเทียนผึ้งแท้และยกกระทงขึ้นเหนือหว่างคิ้ว ขณะที่แพ…ลอยมาลัยคู่ลงสู่ลำน้ำโขง ทั้งคู่ตั้งนะโม
พร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย กายะ วาจาจิตตัง อะหังวันทา ท่านปู่พญานาคราช ท่านย่าพญานาคี
เทวาปูเชมิ พุทธังบังเกิด เปิดโลกนาคิน ธัมมังบังเกิด เปิดโลกนาคิน สังฆังบังเกิด เปิดโลกนาคิน
สังฆังบาทา ตามด้วยบทสวดทั้ง ๘ พระองค์ ที่ลอยน้ำมาจากล้านช้าง โอม…ด้วยบุญกุศลทั้งหลาย
ที่ยายได้สร้างสมมาจงเป็นพละปัจจัยส่งดวงวิญญาณของยายขึ้นไปสถิตย์ ณ
สรวงสวรรค์สัมปรายภพด้วยเทอญ

ขณะนั้นตะวันเริ่มฉายแสงในเช้าของวันใหม่โดยทั้งสองต่างตั้งจิตอธิษฐานเนิ่นนานจนเสียงไก่ขันในยามรุ่
งอรุณดังขึ้น…

“ไปพบเร็ว…รีบไปบอกญาติผู้ใหญ่เรื่องยาย

ส่วนแพจะรีบไปเก็บมะลิหอมดอกไม้ข้างบ้านมาร้อยมาลัย และจะแต่งขัน ๕ ขัน ๘
เพื่อไปคารวะหลวงปู่ใหญ่ตามที่ยายเคยสั่งไว้
และเคยเล่าเรื่องหลวงปู่ใหญ่ให้แพฟังว่าวัดหนองบัวเป็นวัดต้นตระกูลของยายตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นหลายร้
อยปีที่ช่วยกันทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอดจนถึงรุ่นยาย ซึ่งเกิดก่อนพระธาตุบังพวน

หลวงปู่ใหญ่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เรือนของชาวบ้าน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีประเพณี
บุญบั้งไฟ เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ จัดทำบั้งไฟจุดบูชา หลวงปู่ใหญ่
มีการฟ้อนรำที่สวยงามของคนในหมู่บ้านถ่อน เป็นขนบธรรมเนียมที่งดงาม
และยายอยากให้เป็นศูนย์รวมจิตใจสืบทอดไปชั่วลูกชั่วหลาน ยายยังบอกอีกว่า ชาวบ้านชอบเรียกสั้นๆว่า
วัดหนองบัว เพราะมีหนองน้ำที่มีต้นบัวขึ้นอยู่มากข้างวัดทางทิศตะวันตกของวัดเรานี่เอง”

ยายยังย้ำเสมอว่าทุกครั้งที่ไปกราบไหว้ หลวงปู่ใหญ่ ให้ท่อง อิติสุคโต อะระหังพุทโธ
นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง แล้วตามด้วย วันทา มิ ภันเต เจติยัง สัพพัง
สัพพัฏฐาเน สุปะติฏฐิตัง สารีริกธาตุญ เจวะ พุทธรูปัง จะ มหากัสสะปะเถรัญจัง สะกะลัง สะทา วะ จะสา
มะนะสา เจวะ วันทา เมเต ตะถาคะเต สะยะเน อาสานะ ฐาเน คะมะเนจะปิ สัพพะทา ตะถาคะตัสสะ
ธาตุโย สุโขปุญญัสสะ อุจจะโย ติฏฐันเต นิพพุเต วาปิ สะเม จิตเต สะมัง ผะลัง มหากัสสะปัตเถโรปิ
อุตตัตกะนะกันนิโก อะรัญญะวาสาภิระโต ปังสุกู ละธะโร มุนิ สุคะตัสสาสะนะธะโร สะทาโสตถิง
กะโรตุ โน นะมะ การา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุโน นะมะ การา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ โน
นะมะ การา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ โน ซึ่งท่านปู่-ท่านย่า
และเหล่าพญานาคก็ยังนับถือหลวงปู่ใหญ่เสมือนหนึ่งเป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ
ระองค์หนึ่งและยังได้สักการะ ดวงศีล ดวงธรรม อีกด้วย”

พบและแพ

เป็นแม่งานให้กับยายพริ้ม…หญิงชราที่เขาทั้งสองรักปานดวงใจตามที่หญิงชราสั่งไว้ทุกประการ
เมื่อร่างกายถูกไฟเผามอดไหม้เหลือเพียงกระดูกและเถ้าถ่าน…

รุ่งเช้าของวันใหม่…เมื่อทำบุญเลี้ยงพระเช้าเสร็จสรรพเรียบร้อย

แพเตรียมข้าวตอกดอกไม้และสิ่งที่ไม่เคยลืมดอกบัวหลวงที่เขาทั้งสองเก็บให้หญิงชราตั้งแต่เล็กจนโตใส่บ
าตรหลวงตาทุกๆ เช้ายามที่ยายมีชีวิตอยู่
โปรยลงบนกระดูกที่มีผ้าขาวสะอาดรองรับและผูกมัดไว้เพื่อเตรียมไปลอยอังคารกลางแม่น้ำโขงให้ไหลล่
องไปพร้อมกับวัตถุธาตุชิ้นเล็กชิ้นน้อยในห่อผ้าขาวเพื่อกลับคืนสู่พื้นดินพื้นน้ำดังเดิม

พบและแพ พร้อมใจกัน แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงอย่ามีเวรแก่กันและกันเลย สัพเพ

สัตตา อัพยาปัชฌา โหตุ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สัพเพ สัตตา อะนีฆา
โหนตุ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงอย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

และกรวดน้ำเป็นครั้งสุดท้าย
พระจตุโลก พระยมกทั้ง ๔ ส่งน้ำอุทิศนี้เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่
ประชุมการใหญ่ ของพระแม่ธรณี ขอให้พระแม่ธรณีจงมาเป็นทิพยญาณ เป็นผู้ว่าการในโลกอุดร
ขอให้แม่พระธรณีจงนำเอากุศล ผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในครั้งนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้า
ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด นิพพานปัจจโยโหตุ สิ้นเสียงกรวดน้ำ
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแพเรียกพบเสียงหลง
“พบๆ นั่นไง! ต้นไม้วิเศษต้นมณีโคตร มีปลายสองกิ่ง…อย่างที่ยายบอกไว้เลย สาธุๆ”

มณีจันทร์ฉาย