หน้าสุดท้าย
หน้าสุดท้าย
พระนิรันตระเฝ้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน และคิดเสมอว่าจะต้องถ่ายทอดพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับชาวบ้านริมบึงทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชาวดีที่พระนิรันตระอยากให้เข้าใจถึงแก่นของพระพุทธศาสนา เพราะตั้งแต่เข้าพรรษานี้มา ราชาวดีที่เคยผ่องใสร่าเริงมีแต่ความหมองเศร้าเมื่อยายเอมมาจากไป ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ได้ผ่านชีวิตของพระนิรันตระมาหมดแล้ว และแทบจะเอาชีวิตไม่รอดก็ได้ผ้าเหลืองนี่แหละเป็นเกาะคุ้มครองป้องกันทำให้มีชีวิตเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง เปียเอ๋ย…ข้าเข้าใจราชาวดีว่าเธอรู้สึกอย่างไรในการพลัดพรากจากสิ่งที่รักในครั้งนี้
พระนิรันตระ…โยมทั้งหลาย พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้วล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในทางความเป็นมิตรบ้าง ศัตรูบ้าง แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามวิบากกรรมของตนที่ได้กระทำไว้ ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต อดีตกรรม ถ้ากรรมดีเสวยอยู่ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่วย่อมลบล้างอดีตกรรม กรรมแห่งอกุศลวิบากตน ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง เรื่องกฎแห่งกรรมถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว เขาถือว่าเป็นกฎแห่งปัจจัตตัง ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เองแล้วถึงจะเข้าใจ อย่างโยม ราชาวดีกำลังทุกข์ โศกเศร้าที่ยายเอมจากไป แต่กฎของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปในที่สุด เราก็ต้องเข้าใจ เมื่อถึงเวลายังไงก็ต้องจากกัน จะจากเป็นหรือจากตายเท่านั้น เราก็ต้องฝึกทำใจและผ่านทุกอย่างไปให้ได้ ใช้สติและปัญญา อย่างโยมที่มาปฏิบัติธรรม ถือศีล ในวันเข้าพรรษานี้ ผลบุญก็จะหนุนส่งตัวเราเอง พ่อ-แม่ ญาติพี่น้องที่เราแผ่เมตตาไปให้ อย่างราชาวดีก็แผ่เมตตาให้กับยายเอมที่เปรียบเสมือนแม่ที่เลี้ยงดูมา ยายเอมก็ได้รับผลบุญมีความสุขอยู่บนสรวงสวรรค์ เมื่อยายเอมได้รับผลบุญจากราชาวดีส่งขึ้นไป ยายเอมก็ดูแลคุ้มครองได้เช่นกัน อันนี้อาตมาเปรียบเทียบให้ฟังซึ่งมนุษย์เราวันหนึ่งก็ต้องจากโลกนี้ไปเหมือนยายเอมนั่นแหละ
พระนิรันตระเน้นไปที่ราชาวดี เหมือนหยั่งรู้ถึงวาระสุดท้ายที่จะต้องจากลาจากกันในภพชาตินี้แล้ว
ราชาวดี…เจ้าค่ะหลวงตา(ราชาวดีเอามือปาดน้ำตา) วดีและเพื่อนๆจะมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และหลวงตา วดีจะทำให้ได้ หลวงเจ้าค่ะ วดีขออนุญาตบวชพราหมณ์กับเพื่อนสองสามคนเพื่อปฏิบัติธรรมและรับใช้หลวงตาในป่านี้เลยได้ไหมเจ้าค่ะ?
พระนิรันตระ…หลวงตาไม่ได้ปฏิเสธ แต่หลวงตาว่าลองอยู่สักพรรษานี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่านะโยม เพราะในป่าไม่มีความสะดวกสบายเหมือนบ้าน จะได้ก็คือการทดสอบความมุ่งมั่น ไว้ค่อยว่ากันอีกทีดีไหม? เอ้างั้นวันนี้ช่วยกันทำบายศรีพญานาคถวายเป็นพุทธบูชาในวันเข้าพรรษาพระจันทร์เต็มดวง อาตมาจะได้มาสวดมนต์ข้ามคืนร่วมกับโยมที่ปฏิบัติกันทั้งหมดเลย
เสียงผู้มาปฏิบัติธรรมต่างเปล่งวาจา สาธุ สาธุ
ค่ำคืนของวันพระจันทร์เต็มดวงวันเข้าพรรษาผู้มาปฏิบัติพร้อมกันสวดมนต์ธรรมวัตรเย็น สวดอิติปิโส 108 จบ สมาธิข้ามคืน แสงจันทร์ในยามค่ำคืนนี้งดงามราวภาพวาดส่องแสงประกายสุกใส ในยามดึกสงัดได้ยินเพียงเสียงสายลมพัด จิ้งหรีดเรไร และลำธารน้ำไหล ทุกคนผู้ที่มาปฏิบัติกำลังดิ่งกับการเข้าสมาธิด้วยความสงบท่ามกลางการคุ้มครองของพระนิรันตระ และเหล่าเทพเทวดาที่มาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย ผ่านข้ามคืนพระนิรันตระกล่าวกับผู้ปฏิบัติให้ค่อยๆลืมตาเพื่อถอนสมาธิ ทุกคนทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย นำความปิติให้แก่พระนิรันตระเป็นอย่างมาก
พระนิรันตระ…เอ้าล่ะโยม ดึกมากแล้ว สวดมนต์พร้อมกันอีกครั้งแล้วจะได้พักผ่อนกัน
ตลอดระยะเวลาเข้าพรรษา 3 เดือน ผู้ปฏิบัติต่างเคร่งครัดตั้งใจฟังพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิรันตระหยิบยก โดยเฉพาะราชาวดีที่มุ่งมั่นเป็นพิเศษว่าจะไม่ออกจากการครองผ้าขาวบริสุทธิ์ของชีพราหมณ์ ใกล้ออกพรรษาแล้วราชาวดีไม่ลืมคำถามที่จะขออนุญาตบวชต่อจากพระนิรันตระกับผู้ปฏิบัติสองสามคนที่อยากอยู่ปฏิบัติต่อกับราชาวดี เพราะเห็นหนทางความสุขสงบโดยแท้จริง
ราชาวดี…หลวงตาเจ้าค่ะ นี่ใกล้ออกพรรษาแล้ว วดีขออนุญาตพร้อมผู้ปฏิบัติสองสามคนอยู่ปฏิบัติต่อและรับใช้หลวงตาได้ไหมเจ้าค่ะ อีกอย่างวดีก็ไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเห็นภาพเก่าๆที่วดีเคยอยู่กับยายสองคน หลวงตาจะอนุญาตไหมเจ้าค่ะ?
พระนิรันตระที่สังขารก็ร่วงโรยไปตามกาลและเวลา กำหนดในใจ ศรัทธาของราชาวดีแรงกล้ามากสมควรอนุญาต และน่าจะถึงเวลาที่ราชาวดีจะต้องปฏิบัติต่อและดูแลที่นี่ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมต่อไปข้างหน้า
พระนิรันตระ…โยมผู้ปฏิบัติทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหมว่าหลายคนยังอยู่ปฏิบัติต่อในป่าแห่งนี้ได้ อาตมาขอบอกว่าอาตมายินดี (สาธุ สาธุ พร้อมกัน) อาตมายกที่แห่งนี้ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพวกเราทุกคนต่อไป
ผู้ปฏิบัติ…เอ้า พระคุณเจ้า จะไปไหนขอรับ?
ราชาวดี…ใช่หลวงตาจะไปไหนเจ้าค่ะ?
พระนิรันตระ… เปล่าหรอกโยม อาตมายังอยู่นี่ และจะอยู่กับโยมตลอดไป
ราชาวดี มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ราชาวดีอยากร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนความรู้สึกพลัดพรากอีกแล้ว…รู้สึกเศร้า กลิ่นดอกลั่นทมในป่านี้มีต้นลั่นทมด้วยเหรอทำไมเราไม่เคยเห็น แต่นี่กลิ่นดอกลั่นทมแน่นอน…สายลมพัดแผ่วมาจากทางเหนือ…ไกลโพ้น…โน้น
หลังจากออกพรรษา ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน มีแต่ราชาวดีและเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นมา 4-5 คนที่อยู่ปฏิบัติต่อ
ใกล้รุ่งสาง…พระนิรันตระ ได้ยินเสียงแผ่วเบา
ข้าเอาลูกเจ้ากลับมาให้แล้ว ถึงเวลาของเจ้าแล้วนิรันตระ
พระนิรันตระสะดุ้งตื่นจากภวังค์ลุกขึ้นเปิดกลดทันที ภาพที่มองเห็นเด็กน้อยฝาแฝดชายหญิงวางอยู่บนเบาะสีขาวบริสุทธิ์
พระนิรันตระถึงกับอุทาน…ลูกพ่อ!…เราได้พบเจอกันแล้ว พระนิรันตระอุ้มเบาะสองเด็กน้อยเข้ามาในกลดที่พักพร้อมกับกำหนดจิตส่งผลบุญให้ ลูกทั้งสองได้รับบุญเท่าๆกับการปฏิบัติทั้งหมด เท่าที่ลมหายใจจะมีให้ลูกน้อยทั้งสองได้ จากนั้นพระนิรันตระก็เอนตัวลง ข้าทำสำเร็จแล้วเปียเอ๋ย เจ้าจงทำหน้าที่ต่อจากข้าดูแลลูกทั้งสองของเราให้ดีนะ ราชาวดี…ข้าลาก่อน กลิ่นลั่นทมโชยกลิ่นหอมเย็นมาแต่ไกล พระนิรันตระหลับตาสงบนิ่งมือทั้งสองแนบอยู่บนอก..
ราชาวดี…จำปาๆเห็นหลวงตาไหม?วันนี้ไม่เห็นออกมาฉันเช้าเลย
จำปา…ไม่เห็นเลยวดี ลองให้ปิ่นดูในกลด ไม่สบายหรือเปล่า?
อุแว้ อุแว้…เสียงเด็กร้องจ้า…
ราชาวดี…เสียงเด็ก! ในกลดหลวงตา ปิ่นเข้าไปดูเร็ว
พระนิรันตระ นอนหลับตานิ่งข้างเด็กน้อยสองคนที่กำลังส่งเสียงร้อง
ปิ่น…หลวงตาๆปิ่นเขย่าตัวหลวงตา ปากร้องเรียก วดี จำปา เร็วๆหลวงตาๆ
ราชาวดี…เด็กสองคนนั่น หลวงตาๆ หลวงตาๆ
พระนิรันตระ… (เสียงแหบแห้ง) เลี้ยงเด็กสองคนนี้ให้ดี เขาทั้งสองเป็นลูกของเจ้าราชาวดี
พระนิรันตระมิอาจบอกอะไรราชาวดีไปมากกว่านี้ และมิอาจจะปิดกั้นน้ำตาไว้ได้มันเป็นน้ำตาที่ซ่อนไว้ด้วยความเจ็บปวดและความปิติสุขไปด้วยพร้อมๆกันในวาระสุดท้ายของพระนิรันตระ
เจ้าชายสิทธัตถะเคยกล่าวไว้ว่า
ความรักที่ประกอบด้วยเมตตา หนาแน่นยิ่งกว่าน้ำ
เจิดจ้ากว่าแสงตะวัน
มันเกิดขึ้นที่แผ่นดวงตา
ทำให้หัวใจอิ่มเอิบ
ทำให้คำพูดน่าฟัง…
ราชาวดี น้ำตาไหลอาบแก้ม อุ้มเด็กน้อยทั้งสองมาแนบอก ความทรงจำครั้งอดีตที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ ย้อนกลับเข้ามาให้ราชาวดีรู้เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด เสียงสายลมพัดแผ่ว…
รักไม่มีเงื่อนไขใจปรารถนา
คือเมตตานั้นไซร้ไม่ฉงน
รักของฉันจะยิ่งใหญ่เหนือใจคน
จะเดินจนทางสุดท้ายที่ปลายฟ้า
ไปทำหน้าที่ ราชาวดี
จบบริบูรณ์