คอลัมน์ในอดีต

พลัดพราก

พลัดพราก

ภาพความทรงจำครั้งเก่าเมื่ออดีตที่ไม่เคยพร่าเลือนไปจากหัวใจ เป็นเสมือนโซ่ตรวนแห่งกรรมในอดีตที่รัดรั้งจนมิอาจขัดขืนได้ บ่วงรักที่มิอาจหลุดพ้นรอยกรรมที่ต้องข้ามผ่านให้ได้ การที่เราถูกพลัดพรากต้องจากกันด้วยความตายและต้องเป็นฝ่ายรอคอยเพื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อแก้ไขเรื่องราวในอดีต สานต่อความรักอันมั่นคง ให้เป็นรักที่ปราศจากเงื่อนไขคือเมตตา มันยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกินเปียเอ๋ยภาพในอดีตที่พยายามลบให้มันเลือนลางจางหายกลับฉายชัดขึ้นทุกทีๆ แม้กระทั่งชาติภพก็มิอาจขวางกั้นพลังแห่งรักที่เราทั้งสองมีต่อกัน ความเจ็บปวดร้าวราน ด้วยเป็นผู้รับรู้แต่เพียงฝ่ายเดียวมันทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสากรรณ….มีก็เพียง แสงธรรม แสงเทียนของพระพุทธศาสนาที่ทำให้มีลมหายใจเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้ ซึ่งรักของเราเป็นรักที่เหนือกาลเวลา

ภาพเรือนไทยหลังเก่า หาดทราย สายน้ำโขงไหลเอื่อย เซาะแทรกผืนดินจนกลายเป็นคูคลอง เป็นที่อาศัยของเหล่าฝูงปลา ดอกบัวหลวง พืชผักต่างๆให้เราได้เก็บมาเป็นอาหารเพื่อเลี้ยงชีวิต และทำให้มีอาชีพ ชีวิตในเวลานั้น ความสุขของเรามันช่างสั้นนัก…เจ้าเปียเจ้าจุกที่เคยวิ่งเล่นหยอกล้อด้วยความเป็นวัยเด็กอันบริสุทธิ์ไม่มีความทุกข์ใดเจือปน มันเป็นเวลาแห่งกรรมดี เราโตมาด้วยกันมีความรักความผูกพันฉันพี่น้อง จนเราได้ใช้ชีวิตร่วมกันแต่งงานกันมี สายใยรักด้วยกัน ภาพความทรงจำเหล่านั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำเลย ทั้งๆที่ได้พยายามแล้ว ราชาวดี สาวน้อยผู้มีดวงตาเป็นประกายสดใส และเริ่มเศร้าหมอง เมื่อพบกับการพลัดพราก หากเจ้ารู้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเมื่อครั้งกระโน้นเจ้าคงต้องผ่านพ้นมันไปได้ด้วยตัวของเจ้าเอง เวลาแห่งการปฏิบัติเท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้การมีลมหายใจในภพชาตินี้มันเหลือน้อยแล้วสำหรับพระนิรันตระ

ทุกครั้งที่พระนิรันตระจะมีการเทศนา ราชาวดีจะเป็นผู้นำกล่าวคำอาราธนาธรรมและบอกให้ทุกคนกล่าวพร้อมๆกัน ฟังแล้วไพเราะเสนาะหูเหมือนการฟังดนตรีฉันใดฉันนั้น

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ
     กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ
     สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา
     เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
     สหัมบดีพรหม    เป็นบรมในโลกา
     มีฤทธิ์และเดชา    นุภาพในคณาพรหม
     ทำอัญชลีวาท    สถิตอาสน์ ณ ที่สม
     ควรแล้วก็บังคม    ธุลีบาทพระศาสดา
     ขอพระบวรเลิศ    สุดประเสริฐ มโหฬาร์
     ว่าปวงประชาอา-        สวะน้อยก็ยังมี
     เชิญองค์พระสัมพุทธ    บริสุทธิ์ พระอินทรีย์
     โปรดปวงประชาชี    ให้ลุทางเกษมสานต์
     จึงองค์มุนีปราชญ์    วรนารถพระทัยบาน
     รับพรหมก็โดยฐาน    พระการุณยะภาพมี
     นิมนต์พระคุณท่าน    ผู้เปรียบปานพระชินสีห์
     โปรดเผยพระธรรมชี้    ให้กระจ่างสว่างเทอญ

ราชาวดีข้าเป็นห่วงเจ้าเสียเหลือเกิน (…ถึงอย่างไรพี่ยังรักเธอไม่คลาย ตราบชีพนี้ วอดวายเป็นเถ้าถ่าน ก็จะขอรัก จะขอรักด้วยวิญญาณ แทรกสายลมโชยผ่าน เคล้าเคลียนงคราญ ไม่ห่างไกล…)

เจอกันสุดท้ายที่ยุคแห่งคนบุญนะราชาวดี ยุคพระศรีอาริย์  พระศรีอริยเมตไตรยจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาในอนาคต โลกนี้จะมีความสงบสุขและพระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองกว่า พระศาสนาของพระพุทธเจ้าในองค์ปัจจุบันนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะมีพระอริยบุคคลมากกว่า และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง คือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ ไม่มีการเบียดเบียน ตอนนอนไม่ต้องปิดประตูก็ได้ บ้านเลยไม่ต้องทำประตูก็ได้ เรื่องคนร้ายหรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว แล้วก็คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้านก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใครเพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวยเหมือนกันหมด อยู่กันเป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ

บ้านเรือนจะปลูกอยู่ใกล้ๆกันพอไก่บินถึง ปราศจากโจรผู้ร้าย บริบูรณ์ไปด้วยน้ำแลข้าวปลาอาหาร ผัวเมียจะไม่รู้จักวิวาทกัน ผู้ชายไม่ต้องทำไร่นาค้าขาย ผู้หญิงก็ไม่ต้องทอหูกปั่นฝ้าย ผ้านุ่งผ้าใช้ล้วนแต่เป็นของทิพย์ อำมาตย์ข้าราชการตั้งมั่นอยู่ในความสุจริตธรรมไม่เบียดเบียนอาณาประชาราษฎร์ให้เดือดร้อน พระมหากษัตริย์จะไม่มีความกริ้วโกรธถือโทษลงพระราชอาญา มีน้ำพระทัยรักใคร่กรุณาแก่ประชาชนทวยราษฎร์

บรรดาสรรพสัตว์ที่เป็นศัตรูกันทั้งหลายเช่นกากับนกเค้า แมวกับหนู งูกับพังพอน หมีกับไม้สะคร้อ ทั้งหมดก็จะแผ่เผื่อเมตตาจิตต่อกันเลิกเป็นคู่เวรคู่กรรมต่อกัน สรรพสัตว์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เครื่องใช้ไม้สอยมีอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง แผ่นดินใหญ่กว้างล้วนราบเรียบเป็นหน้ากลอง ไม่มีหลักตอเสี้ยนหนาม คนทั้งหลายรูปงามเหมือนกันหมด ไม่มีคนใบ้บ้า คนหูหนวกตาบอดง่อยเปลี้ยเสียขาพิกลพิการก็ไม่มีแต่อย่างใด ทุกคนปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เห็นกันเข้าก็มีแต่รักใคร่ไมตรีอันดีต่อกันหาศัตรูหรือรู้จักโกรธให้กันก็ไม่มี ในครั้งนี้บุรุษจะมีภรรยารักคนเดียว สตรีก็จะมีสามีคนเดียวกลมเกลียวรักใคร่ปองดองกัน ไม่มีการล่วงประเวณี แลคนในยุคนี้มีแต่ความผาสุกสมบูรณ์มากไม่ต้องลำบากในการหากิน เพียงตั้งภาชนะปิดฝาเอาไว้ครั้นอยากกินสิ่งไรเปิดภาชนะก็ได้กินสิ่งนั้น

ครั้นว่าบริโภคโภชนากระยาหารอิ่มหนำสำราญแล้วอาหารนั้นก็อันตรธานหายไปไม่ต้องเก็บต้องล้าง ข้าวของทุกอย่างใช้สอยแต่เครื่องทิพย์ มีกิจอยู่แต่นั่งกับนอนฟังเสียงอันเป็นทิพย์ไพเราะนักหนาอันเกิดจากเวลาลมพัดต้องหมู่ไม้ใบพฤกษาก็สั่นไหว เป็นเสียงทิพยดนตรีมีความไพเราะเป็นหนักหนา ทุกคนถ้วนหน้ามีสมบัติเหมือนกันหมด ปราศจากกำพร้าอนาถา ปราศจากคนชราหรือเข็ญใจไร้ทรัพย์สมบัติ อันเหตุวิวาทแก่งแย่งชิงเอาบ้านเรือนไร่นาของกันและกันนั้นไม่มีเลย แลยุคนั้นนี้มีพืชข้าวกล้าเพียงเม็ดเดียวหากตกลงเหนือพื้นแผ่นดินแล้วก็งอกขึ้นเป็นต้นเป็นลำเป็นปล้องเป็นหน่อ แลเป็นกอใหญ่ๆออกไปได้หลายร้อยเท่าพันทวี ทั้งหมดเป็นดังนี้ก็เพราะข้าพระองค์ได้สร้างสมบุญบารมีเอาไว้มาก พระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า ทรงมีฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ คนมีบุญมากเท่านั้นที่จะได้อยู่ในยุคพระศรีอาริย์