มองเทนนิสแล้วคิดถึงกอล์ฟ
เห็นความรุ่งโรจน์ของวงการ “กอล์ฟอาชีพ”ของบ้านเราแล้วบอกตรงๆนะถ้าเป็นใครที่เขาดูแลวงสวิงนี้อยู่ก็ “นอนตายตาหลับ”ได้เลยครับ บางทีบรรดานักกอล์ฟที่กล้ากระโจนเข้าสู่วงการ “กอล์ฟอาชีพ” นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นๆทุกวัน นั่นคงเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นกันชัดๆคือ “มันอยู่ได้”… “มันเป็นไปได้”… “มันมีระบบที่รองรับอยู่” แค่นี้หลายคนอาจบอกไม่พอหรอกนะครับ แต่ในส่วนของครูไก่มันพอที่จะเริ่มต้นแล้วถ้ามรฝีมือบวกโชคนิดหน่อยทุกอย่างก็คงพอรับได้นะ…นั่นคืออยู่ในอาชีพนี้มันลืมตาอ้าปากได้หรือหากเล่นแล้วไปถึงฝั่งฝันก็ยังมีอะไรที่ทำได้อีกเพียบ
มองย้อนกลับมายังวงการ “เทนนิส”ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ทางผู้วางแผนบอกว่า “เป็นอาชีพได้”เมื่อราว 10 กว่าปีก่อนหรืออาจถึง 20 ปี มีหลายครอบครัวมีความพยายามผลักดันลูกหลานให้สู่เวทีระดับโลก และหวังต่อไปอีกถึง WTA TOUR ในฝั่งหญิงและฝั่งชายก็ ATP TOUR แต่สุดท้ายปลายทางก็อย่างที่รู้กันสนิทนิ่งเป็นป่าช้า อาจจะมีเสียงของนักเทนนิสเยาวชนจากเมืองไทยไปวาดลวดลายในระดับโลกอยู่บ้างตามสมควร แต่นั่นคือเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งมาแล้วก็จากไป เราเคยมีความหวังกับเยาวชนของเราไปคว้าแชมป์ทั่วโลกเป็นว่าเล่นถึงขนาดขึ้นมือต้นๆของโลก แต่พอเอาเข้าจริงๆในวงการอาชีพก็กลับเป็นงานยากสำหรับเธอ แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้หายไปไหนแล้วครับ
ในโลกของเทนนิสอาชีพมันมีการต่อสู้กันหนักหน่วงมาก โดยเฉพาะใน ATP TOUR ของฝ่ายชาย แต่กับ WTA TOUR มันยังพอสู้กันได้อยู่บ้างแต่จะให้ดังเปรี้ยงป้างเหมือนใน “กอล์ฟ”นั้นมันยากเสียแล้วครับ เทนนิส ณ ปัจจุบันมักจะเล่นเพื่อเป็นใบเบิกทางสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษาเป็นส่วนใหญ่ นี่หากไปกีฬา “มหาลัย” ไม่มีการแข่งขันกีฬาชนิดนี้บอกได้คำเดียว “จอด”แบบยาวๆ เพราะหลังจากเจ้าบอลเคยสร้างความฮือฮาในวงการมาในครั้งนั้น ความจริงเราต้องมีอะไรตามมาบ้าง แต่สุดท้ายก็อย่างที่เป็นอยู่ วงการเทนนิสเงียบสนิท
ไอ้การที่จะปลุกกระแสกันอีกสักรอบคงต้องรอเด็กรุ่นนี้แหละซึ่งดูแล้วมันก็มีนะ แต่เอาเข้าจริงๆก็เลิกศาลาไปแบบไม่กลับมาอีกเลย…เช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ทั้งเวลาที่ลาวงเลย ทั้งเยาวชนที่ทิ้งความหวังไปเล่นกีฬาอื่น หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองที่กลับลำกลางคัน ดันลูกไปที่อื่นมันดูมืดมนอยู่นะครับ…เอาเป็นว่าการรื้อระบบที่มีอยู่มาสู่ความเป็นจริง มันจะทำให้เราพอมีหวังอยู่นะครับ คราวหน้าค่อยว่ากันนะ
ครูไก่