ผศ.วีระ โชติธรรมาภรณ์
ผศ.วีระ โชติธรรมาภรณ์
ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
“อย่าปล่อยให้การทำผิด เป็นเรื่องเคยชิน”
โตมากับร้านถ่ายรูป : ครอบครัวผม เป็นร้านถ่ายรูป อยู่แถวสะพานพุทธ คุณพ่อดำเนินกิจการตั้งแต่ผมเกิด ผมก็พอมีความรู้ความสามารถจากความใกล้ชิด เป็นตากล้องในร้านบ้าง ช่วงปิดเทอมออกไปถ่ายรูปตามงานต่างๆ บ้าง ธุรกิจถ่ายภาพ สมัยก่อนถือว่าดีมาก ร้านเราเป็นแห่งแรกที่ให้บริการถ่ายรูปด่วน 1 ชั่วโมงได้ ขณะที่ร้านอื่นอย่างน้อยต้องรอเป็นวัน ยุคนั้นยังใช้ฟิล์ม พอถ่ายแล้ว ก็ต้องรีบล้าง แต่งฟิล์ม ลบริ้วรอยต่างๆ แล้วอัดขยาย ถ้าไม่มีคิวเลย แค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการกับเรามาก ก่อนหน้านี้ คุณพ่อเคยทำงานโรงพิมพ์กับญาติๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อด้อยคือ เป็นธุรกิจเงินเชื่อ ส่วนถ่ายภาพเป็นธุรกิจเงินสด จนต่อมาร้านต้องย้ายไปอยู่แถวดาวคะนอง รับล้างอัดขยายภาพอีกราวยี่สิบปี จนพอเทคโนโลยีเริ่มเปลี่ยน คนถ่ายภาพด้วยระบบดิจิตอลมากขึ้น ธุรกิจร้านถ่ายภาพก็ค่อยๆ ซบเซาลงไป เราลงทุนไปแล้ว ยังไม่ทันถอนทุนคืน แต่ธุรกิจนี้ก็เริ่มเข้าสู่ขาลงไปเสียก่อน ลูกค้าค่อยๆ หายไป ร้านค้าที่มีก็แข่งกันลดราคาเพื่อแย่งลูกค้า จนในที่สุด ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน ประกอบกันคุณพ่อเริ่มอายุมากขึ้น ลูกๆ ก็เรียนจบกันหมด เราจึงตัดสินใจปิดกิจการ
เรียนเทคนิคการพิมพ์ : วิทยาลัยครูสวนสุนันทา เริ่มเปิดแขนงอื่นๆ ที่ไม่ใช่วิชาทางครู ประมาณ 7 สาขา แล้วเทคนิคการพิมพ์ เป็นสิ่งใหม่ที่ผมอยากรู้ ไม่เคยเจอมาก่อน ผมจบอนุปริญญา รุ่นที่ 1 ของสถาบัน และต่อ ปริญญาตรี เทคโนโลยีทางการศึกษา แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะเป็นครู อยากทำอะไรอย่างอื่นนอกจากงานประจำ สาขาการพิมพ์ นับว่าตรงกับความต้องการของผมมาก หารายได้พิเศษจากการพิมพ์นามบัตร ตั้งแต่เป็นตัวเรียง หาลูกค้าจากคนใกล้ตัว ญาติๆ ไปตามโรงเรียนเก่า รับโรเนียว พิมพ์งาน อาจารย์ที่สอนก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ จัดทำชมรม จัดทำหนังสือ วารสาร ทำให้เราได้ใช้งานจริงๆ
ได้งานโรงพิมพ์ : หลังจากที่ผมบวชแล้วสึกออกมา ก็เริ่มหางานทำ พอดีได้เจอกับเพื่อนที่กำลังจะย้ายงานพอดี ก็เลยชักชวนให้ไปทำงานแทน เป็นงานในโรงพิมพ์ ศูนย์การพิมพ์ปกรณ์กิจ เป็นบริษัทในเครือของเครื่องสำอางแพนคอสเมติก รับผลิตสิ่งตีพิมพ์ทั่วไป กล่อง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทในเครือ ผมทำหน้าที่ดูแลในเรื่องการตรวจสอบงานต้นฉบับ ถ้ามีผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ลูกค้ากำหนดมา งานที่ทำก็มีเยอะมาก เสร็จงานนี้ งานอื่นก็เข้ามาอีก วุ่นทั้งวันจนไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย ทำงานเลยเวลาทั้ง 6 วัน แล้วยังต้องทำโอทีตลอด แรกๆ ก็สนุก แต่พอทำได้สักพักรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ไม่มีเวลาพัก วันหยุดครอบครัวจะไปไหนก็ไม่ค่อยได้ไปด้วย เลยอยากหางานอื่นที่ไม่หนักขนาดนี้ อยากมีวันหยุดบ้าง
เป็นอาจารย์ที่ยังไม่ได้สอน : พอดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดรับฝ่ายประชาสัมพันธ์ แผนกสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะจบวุฒิปริญญาตรี จึงมีตำแหน่งเป็นอาจารย์ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่สอน ทำหน้าที่ผลิตงานด้าน เอกสาร ตำราต่างๆ ให้กับมหาวิทยาลัย ผมมีหน้าที่เขียนสเป็ค ข้อกำหนดลักษณะของงานชิ้นต่างๆ
สอนพิเศษแทนเพื่อน : ระหว่างทำงานที่ ม.กรุงเทพ พี่ที่ทำงานด้วยกันบอกว่า ให้ไปช่วยสอนที่ วิทยาลัยสวนดุสิตให้หน่อย เพราะเขาไม่ว่าง ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจเพราะผมจบแค่ปริญญาตรี แต่เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ใช้ประสบการณ์ตรงจากการทำงานจริงไปสอนได้เลย แล้วเขาจะคุยให้ ผมไปสอนวิชาการผลิตสิ่งพิมพ์ และการบรรณาธิกรหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นเรื่องถนัดอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้ผมได้มาเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาคค่ำ ซึ่งนักศึกษาภาคค่ำ อายุมากกว่าผมแทบทั้งนั้น บางคนทำงานแล้ว มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ทำให้ผมต้องเตรียมความพร้อมในการสอนมากเป็นพิเศษ หาข้อมูล ทำความเข้าใจ ทั้งจากความรู้ในตำรา และประสบการณ์จากการทำงานในโรงพิมพ์ ทำงานด้านการผลิต
ปริญญาตรี 3 ใบ : ผมจบนวัตกรรมการศึกษา วิทยาลัยครูสวนสุนันทา, นิเทศศาสตร์ จาก มสธ. และ เทคโนโลยีการพิมพ์ มศธ. และปริญญาโท ครุศาสตร์เทคโนโลยี
เป็นครูเต็มตัว : เมื่อได้รับข่าวว่าวิทยาลัยครู เปิดรับสอบบรรจุ ตำแหน่งอาจารย์ 1 ระดับ 3 ซึ่งปกติแล้วทั่วไปจะรับระดับปริญญาโท เว้นแต่เป็นสาขาขาดแคลนก็จะรับปริญญาตรีได้ สาขาการพิมพ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมเข้ามาเพื่อทำหลักสูตรปริญญาตรี ปัญหาหนึ่งก็คือจะต้องมีอาจารย์จบปริญญาโทอยู่ด้วย จึงจะเปิดสอนได้ ก็พอดีเราได้บุคลากรที่มีคุณสมบัติเข้ามาช่วยกันครบ ทำให้เปิดสอนปริญญาตรีเป็นครั้งแรกได้ ในรุ่นที่ 16 โดยผมได้เริ่มบรรจุเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2535
อยากทดแทนคุณ : เมื่อครั้งที่ผมเรียน ได้รับความจากการเรียนเยอะมาก ทำให้ชีวิตสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เมื่อมีโอกาสผมก็อยากกลับมาช่วยที่นี่ ถึงแม้ในช่วงแรกๆ จะขาดแคลนหลายๆ อย่าง แต่ก็ต้องอดทน เพราะนั่นคือการบุกเบิก หากเราไม่ปูทางไว้ก่อน แล้วรุ่นหลังๆ จะเดินต่อกันได้อย่างไร กว่าจะทำให้เกิดการยอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเราก็ช่วยกันจนเห็นผล เด็กที่จบไปจากคณะฯ ส่วนใหญ่ได้งานทำ
คุณสมบัติที่ดี : เมื่อคุณทำงาน ผลงานที่ออกมาต้องสูงกว่าเงินเดือนที่ได้รับ เขาถึงจะจ้าง เพราะหากค่าตัวไม่คุ้มกับงาน เขาเอาเงินที่จ่ายไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า ดังนั้น คุณต้องขอบคุณ แห่งแรก ที่ให้คุณเริ่มงาน ถึงแม้เงินเดือนอาจจะน้อย แต่นั่นก็ให้ประสบการณ์ ให้สิ่งที่สามารถนำไปใช้ทำงานได้จริง แล้วเมื่อคุณพัฒนาฝีมือขึ้น ก็จะมีผู้มารับตัวหรือยื่นข้อเสนอดีๆ ให้ เงินอาจไม่ใช่คำตอบสำคัญที่สุด ทำงานแล้วมีความสุขเป็นเรื่องสำคัญกว่า
ทำงานบริหาร : หลังทำงานอยู่ในฝ่ายเอกสารการพิมพ์ สำนักงานอธิการบดี ทำงานเกี่ยวกับโรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยฯ มาได้ระยะหนึ่ง ก็มีโอกาสได้ไปเป็นรองประธานศูนย์การศึกษาของดรุณพิทยา ไปประจำที่ประชาสงเคราะห์ 16 ได้ขึ้นมาทำงานด้านบริหาร ได้ราว 5-6 ปี ก็กลับมาเป็นรองคณะบดี ที่มหาวิทยาลัยฯ อีก 3 สมัย เดิมที การพิมพ์ ขึ้นอยู่กับคณะวิทย์ฯ ตอนหลังเมื่อเปลี่ยนพระราชบัญญัติใหม่ ก็เลยย้ายไปคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ซึ่งตรงกว่า
ทำหน้าที่สำคัญ : เมื่อหมดวาระการทำหน้าที่ รองคณะบดี ก็กลับมาเป็นอาจารย์ผู้สอน แล้วมาสมัครเป็นประธานสภาคณาจารย์ และได้รับเลือกตั้งมาในช่วงเดือนมีนาคม 2561 โดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริหาร แต่ไม่ได้ลงไปบริหารงานโดยตรง ทำหน้าที่ตาม พรบ. คอยให้ข้อเสนอแนะ กำกับ การบริหารงานของมหาวิทยาลัย หากมีปัญหาอะไรก็เรียกประชุมได้ สภาฯ มีสมาชิกทั้งหมด 27 ท่าน เป็นตัวแทนจากทุกหน่วยงาน ที่ผ่านการเลือกตั้งมา นอกจากนี้ยังได้ไปช่วยงานของสมาคมศิษย์เก่าฯ โดยในช่วงแรกๆ ยังไม่ได้เข้ามาช่วยโดยตรง เป็นการช่วยสนับสนุน ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ให้มาตลอด แล้วพอมีจังหวะเวลาลงตัว ก็ได้เข้ามาช่วยดูแลเต็มตัวมากขึ้น
จักรยานสีแดง : ผมปั่นจักรยาน เมื่อไปไหนมาไหนในมหาวิทยาลัย ใช้วิธีมานานแล้ว เปลี่ยนจักรยานไปหลายคัน ใส่สูทก็ยังปั่น คิดว่าตำแหน่งหน้าที่ก็เป็นแค่หัวโขน หมดวาระ ถึงเวลาเอาออก มันก็คนเดิม
พี่ กับ น้อง : เวลาเจอหน้าอาจารย์เก่าๆ ถึงแม้บางท่านอายุจะสูงวัยแล้ว ก็ให้เรียกว่าพี่ เพราะคำว่าพี่ ไม่ต้องลำดับญาติกันเยอะ ผมยังพูดอยู่เสมอว่า ในสวนสุนันทา มีคนทำงานอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น คือ พี่ กับ น้อง ไม่มีคนอื่น แล้วถ้าเราเป็นพี่กับน้อง ความกลมเกลียวสามัคคีย่อมเหนียวแน่น มีอะไรก็พูดจาตักเตือนกันได้ เราไม่มีพรรคพวกกับใคร ถ้าเมื่อใดที่มีพรรคพวก เราจะมีหลายฝ่าย ถึงพี่น้องจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงกับแตกแยก จ้องทำลายให้พังกันไป
ความถูกต้อง : เมื่อทำงาน ผมคำนึงถึงความถูกต้องเป็นหลัก หากเราทำงานด้วยความไม่โปร่งใส สักวันย่อมจะเกิดปัญหา หากเราใจซื่อ มือสะอาด อย่าเปิดช่องให้ตัวเองบาดเจ็บ ยังไงก็ไม่เกิดประเด็น กินเล็กกินน้อย ก็ทำให้ติดคอตายได้ ของบางอย่างอาจจะยั่วตาล่อใจ แต่มันก็อยู่ที่เรา หากใจเข้มแข็ง ไม่ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ ชีวิตก็จะดำเนินไปได้อย่างขาวสะอาด มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่าปล่อยให้การทำผิดเป็นเรื่องเคยชิน ถ้าเรายอมให้เข้ามาได้ จนสิ่งผิดเป็นเรื่องปกติ โอกาสที่เราจะทำผิดก็ย่อมมีมากขึ้น หลวงให้เรามาพอสมควรแล้ว ก็ควรอยู่กับความพึงพอใจนั้น สิ่งไหนหากเขาไม่ให้ ก็อย่าไปเอา ถ้าเราอยู่ไม่ได้ ก็ต้องไปหาอาชีพอื่น หรือแม้กระทั่งการทำงาน ผู้บริหารกับผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ต้องมีการทำงานในทิศทางเดียวกัน ถึงจะไปได้กันได้
หัวโขน : ตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่ใช่สิ่งที่ถาวรยั่งยืน เป็นแค่เพียงหัวโขน เมื่อหมดวาระก็ต้องปล่อยถอดคืนไป แต่ตำแหน่งทางวิชาการเป็นสิ่งที่ถาวรอยู่ติดตัว ไปอยู่ที่ไหนก็ยังตามไปได้ แล้วเราก็ยังสามารถพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำลัง ตามความสามารถ นั่นคือสิ่งที่ยั่งยืนกว่า เป็นเกียรติ เป็นความภาคภูมิใจที่ติดตัวตลอดไป
กีฬา : ผมเล่นแบดมินตันค่อนข้างเยอะ เล่นมานานมาก เคยเล่นระดับโรงเรียน เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย แต่ช่วงหลังนี้ต้องเร่งเขียนผลงานทางวิชาการ เลยต้องเว้นไปบ้าง แต่ก็พยายามเล่นให้บ่อย เพราะเมื่อได้เหงื่อ จะรู้สึกว่าร่างกายสดชื่น ส่วนระหว่างวันก็จะใช้การเดิน การปั่นจักรยาน เป็นการช่วยให้ได้บริหารร่างกาย ได้ออกกำลังอยู่อย่างสม่ำเสมอ
คุมอารมณ์ให้ได้ : ผมเคยอารมณ์ร้อน โมโหง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป มาพิจารณาตัวเองก็พบว่า การที่โมโหไปกับคนอื่น ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่ทำให้เสียด้วยกันทั้งคู่ เมื่อก่อนความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต้องทะเลาะจนเสียหาย แต่เดี๋ยวนี้ พอเริ่มจะทะเลาะก็รู้จักหยุด ไปทำตัวให้อารมณ์ดีก่อนแล้วค่อยมาปรึกษาหารือกัน แบบนั้นจะทำให้ได้ประโยชน์กว่า….
ข้อคิดดีๆ : อาจเป็นเพราะเคยบวชนานถึง 5 เดือนกว่า สอบได้ที่ 1 ของพระนวกะ ที่วัดสระเกศ ทำให้รู้จักใกล้ชิดพุทธศาสนา เข้าใจในธรรมเนียมปฏิบัติ พิธีการ ศาสนกิจ นำมาใช้ได้ในชีวิตปัจจุบัน ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวมาก อย่าไปคิดอะไรที่ทำให้จิตตก ไร้สาระ เรื่องบางเรื่องคิดมากไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าคิดแต่เรื่องดีๆ มองโลกในแง่ดี อย่าทำตัวเองให้ขุ่นข้องหมองใจ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขครับ.