พุทธพลิกสุวรรณภูมิ
พุทธพลิกสุวรรณภูมิ
สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ และมูลนิธิวีระภุชงค์ จัดประชุมเสวนา “พุทธพลิกสุวรรณภูมิ: สามัคคีทำ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง” ขึ้น ณ โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา เพื่อรวมกลุ่มตัวแทนพระสงฆ์ ผู้ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก ณ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ ตั้งแต่รุ่นที่ 1 – 6 พร้อมทั้งประธานสงฆ์หรือตัวแทนประธานสงฆ์จาก 5 ประเทศ (ประเทศไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า) คณะพระอาจารย์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ พระอาจารย์ประจำสถาบันสมาชิกชมรมโพธิคยาฯ ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน อันนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติงานในการหนุนเสริมเผยแผ่และปกป้องพระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิสืบต่อไป…
เวทีเสวนาพุทธพลิกสุวรรณภูมิ ปฏิเวทธรรม นำสุวรรณภูมิเรืองรอง เป็นเวทีแรกของของงานพุทธพลิกสุวรรณภูมิ สามัคคีทำ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง จัดโดยชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 โดยการสนับสนุนของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และมูลนิธิวีระภุชงค์
เวทีเสวนาเริ่มด้วยมุมมองของ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ในฐานะนักธุรกิจที่ทำงานในดินแดนสุวรรณภูมิ ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และ เวียดนาม กว่า 25 ปี ดร.สุภชัย เห็นว่าสิ่งที่เหมือนกันในดินแดนสุวรรณภูมิ คือ ความเชื่อ หลักคิดของพุทธศาสนาและจารีต ประเพณี วิธีคิดคล้ายคลึงกัน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มี พระบิดาองค์เดียวกัน คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัญหาของดินแดนสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะประเทศไทยขณะนี้ คือ ความแตกแยกในสังคม การบูชาเงิน วัตถุ ไม่เชื่อเรื่องบุญ-กรรม เมื่อผนวกกับกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ถาโถม ทำให้สังคมเกิดความเสื่อม…
นักการทหารฝ่ายยุทธการ พลเอกยศนันท์ หร่ายเจริญ หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดน ศูนย์ปฏิบัติราชการกองทัพบก และกรรมการชมรมโพธิคยา 980 ยกตัวอย่างปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต จากปัจจัยภายนอก คือ เงื่อนไขความขัดแย้งในยุคสงครามเย็น ระหว่างโลกเสรี กับคอมมิวนิสต์ ปัญหาประชาธิปไตย หลังกำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย สิ้นสุดสงครามเย็น ทุกประเทศใช้ศักยภาพด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ส่วนปัจจัยภายใน เกิดจากความยากแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ด้วย “การทหาร” เพียงอย่างเดียว แนวคิดปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแก้ไข ความยากแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ คือ หลักพุทธศาสนา…
ดร. คิน ฉ่วย สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหภาพเมียนมาร์ ได้เล่าถึงความเป็นมาของพุทธศาสนา ในเมียนมาร์ยุคก่อนได้เอกราช มีทั้งยุคที่เรืองรอง และยุคที่เสื่อมถอย หลังจากเมียนมาร์ได้รับเอกราช พม่ามีชนเผ่าเยอะนับ 100 ชนเผ่า ศาสนาไปไม่ทั่วถึง ส่วนใหญ่ชาวเมียนมาร์นับถือศาสนาคริสต์ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธยังมีจำนวนไม่มาก สถานะของเมียนมาร์อยู่ในภาวะยากจน การฟื้นฟูพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งทำงานด้านศาสนาและสาธารณกุศล ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะฟื้นฟูให้ชาวเมียนมาร์ หันมานับถือศาสนาพุทธ 10 ล้านคน โดยพระสงฆ์ของเมียนมาร์ ค่อนข้างเคร่ง มีเพียง “จีวร” และ “บาตร” ไม่ฉันเพล แนวทางการเผยแผ่ศาสนาพุทธในเมียนมาร์ ยึดหลัก ปริยัติ (สร้างสระน้ำ ปฏิบัติ เทน้ำ) และปฏิเวธ (การเกิดดอกบัว เบ่งบานในสระ)…
คุณสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ณรงค์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะนักกฎหมาย และกรรมการชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 ชี้ให้เห็นสถิติทางคดีร้ายแรงที่มีโทษจำคุก 10 ปีขึ้นไป ในคดีค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ฉ้อโกง ลักลอบตัดไม้ เป็นปัญหาที่มีผลกระทบด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาข้างต้นเกิดจาก กิเลส โลภ โกรธ หลง วัตถุนิยม ขาดคุณธรรมจริยธรรม คดีที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนมี “องค์กรข้ามชาติ” เข้ามาเกี่ยวข้อง “พระสงฆ์ต้องมีบทบาทชี้นำสังคม ลด ให้ลด ละ จากกิเลส แม้กระบวนการยุติธรรมจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดี แต่ “กฎแห่งกรรม” นั้นยุติธรรมเสมอ ขอให้ยึดหลัก ทำดีได้ดี ทำชั่ว มีคุณธรรม จริยธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้…
ด้านนักสื่อสารมวลชน คุณสมาน สุตโต ที่ปรึกษาหนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ แสดงความภูมิใจที่เป็นชาวพุทธ พร้อมกับยกย่องบทบาทการเป็นผู้ให้ของ “พระสงฆ์” โดยยกตัวอย่าง พระสงฆ์ของเมียนมาร์ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนเมียนมาร์ในมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบ 24 ปี เช่นเดียวกับพระสงฆ์ไทย ก็ช่วยเหลือประชาชนในมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 คุณสมานยังชี้ให้เห็นความสำคัญของ คัมภีร์ใบลาน ที่จารึกพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึก แต่ในประเทศไทยสูญหายจำนวนมาก ในยุคที่นิยมจตุคามรามเทพ ยุคนิยมปลุกเสกพระเครื่อง และมีชาวเยอรมันนำคัมภีร์ใบลานของไทยออกนอกประเทศจำนวนมาก และท่านยังเห็นว่า ปฏิเวธธรรม จะนำสุวรรณภูมิให้เรืองรองได้ พุทธมามกะต้องมีความเป็นพี่น้อง ทำงานร่วมกันทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส แลกเปลี่ยนทัศนคติ ทำให้กงล้อแห่งธรรมหมุนเคลื่อนไป…
ปิดท้ายเวทีเสวนาด้วยการวิสัชนาจาก พระธรรมวรนายก ประธานโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิ ผู้ได้รับยกย่องจากสื่อมวลชนไทยว่าเป็น “นักปราชญ์แห่งธรรม” โดยพระธรรมวรนายก กล่าวกับพระธรรมทูตทั้ง 6 รุ่นที่มาเสวนาร่วมกันว่า เป็นรุ่นพิเศษ เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ มิได้นำพระธรรมทูตมาเป็นจำเลย
พระธรรมวรนายก เปรียบเทียบให้เห็นว่า ลาภ สักการะ เกียรติยศ ชื่อเสียงเปรียบเสมือน “กิ่งไม้ ใบไม้” พระคุณเจ้าที่เป็น สงฆ์ ต้องไม่หลง หากเปรียบเทียบ “หลักธรรม คำสอน” กับ ต้นไม้ จะพบว่า.. ความสมบูรณ์แห่งศีล เช่น ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 และศีล 277 เปรียบเสมือน “สะเก็ดไม้”, ความสมบูรณ์แห่งสมาธิ การบังคับจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว เปรียบเสมือน “เปลือกไม้”, ความสมบูรณ์แห่งปัญญา เปรียบเสมือน “กระพี้ไม้” และ ความหลุดพ้นแห่งจิตใจ คือ หลุดพ้นจากโลภะ โทสะ โมหะ เปรียบเสมือน “แก่นไม้”
ส่วนแนวทางแก้ปัญหาเปรียบเทียบกับ “คนป่วย” ว่า ต้องทายา (สวดมนต์) ทานยา (ภาวนา) ยาฉีด และผ่าตัด นิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้นทิ้ง ซึ่งก็คือ “ปฏิรูปัง” หรือการปฏิรูป แนวทาง “ปริยัติ” กับ “ปฏิบัติ” ต้องมีความสมดุลย์กัน จึงจะเกิด “ปฏิเวธ” คือ การสัมผัสผลของการปฏิบัติ